ราคาทองกันยายน 2567 แนวโน้มเป็นยังไง เริ่มลงทุนตอนนี้ดีมั้ย
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสถานการณ์ราคาทองกันยายน 2567 วิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา พร้อมทั้งนำเสนอการคาดการณ์แนวโน้มราคาทองในช่วงปลายปี ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังมองหาโอกาสในเริ่มต้นการลงทุนในทองคำ หรือเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์ที่ต้องการข้อมูลล่าสุดเพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของตลาดทองคำในปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสำหรับโอกาส และความน่าจะเป็นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
สถานการณ์ ราคาทองกันยายน 2567
ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2567 ราคาทองมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 39,950 บาทต่อบาททองคำ ลดลง 50 บาทจากวันก่อนหน้า ส่วนราคาทองรูปพรรณอยู่ที่ 40,450 บาท
เมื่อเปรียบเทียบกับราคาทองในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 40,450 บาทต่อบาททองคำ จะเห็นได้ว่าราคาทองมีการปรับตัวลดลงประมาณ 500 บาทภายในระยะเวลาเพียง 10 วัน
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองกันยายน 2567
- สถานการณ์การเมืองของสหรัฐอเมริกา การดีเบตระหว่างผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 10 กันยายน 2567 อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและส่งผลกระทบต่อราคาทอง
- การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนกันยายน 2567 ซึ่งอาจส่งผลต่อค่าเงินยูโรและราคาทองในตลาดโลก
- ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ การเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเดือนสิงหาคม 2567 รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสำหรับเดือนกันยายน 2567 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางราคาทอง
- ความผันผวนของค่าเงินบาท การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลโดยตรงต่อราคาทองในประเทศไทย
- ความต้องการทองคำในตลาดโลก ปริมาณความต้องการทองคำจากประเทศผู้บริโภคทองรายใหญ่ เช่น จีนและอินเดีย อาจส่งผลต่อราคาทองในตลาดโลก
คาดการณ์ราคาทองช่วงปลายปี 2567
จากการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาทอง การคาดการณ์ราคาทองในช่วงปลายปี 2567 มีแนวโน้ม ดังนี้
- ราคาทองอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น หากเศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอน และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ตัดสินใจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาทองอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงปลายปี คาดการณ์ว่าราคาทองอาจทะลุระดับ 41,000 บาทต่อบาททองคำในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี หากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง
- ความผันผวนในระยะสั้น คาดว่าราคาทองจะยังคงมีความผันผวนในระยะสั้น โดยอาจมีการปรับตัวขึ้นลงในกรอบ 39,000 – 41,000 บาทต่อบาททองคำ ความผันผวนนี้อาจเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหรือเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญ
- แนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น แม้จะมีความผันผวนในระยะสั้น แต่แนวโน้มราคาทองในระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน ซึ่งอาจดึงดูดนักลงทุนให้หันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น คาดการณ์ว่าราคาทองอาจทะยานขึ้นสู่ระดับ 42,000 – 43,000 บาทต่อบาททองคำในช่วงต้นปี 2568 หากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน
- ปัจจัยทางการเมือง ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาทองในช่วงปลายปี หากผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ อาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินและส่งผลให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
- อัตราเงินเฟ้อ หากอัตราเงินเฟ้อในประเทศสำคัญๆ ยังคงอยู่ในระดับสูง อาจส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น คาดการณ์ว่าหากอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางในหลายประเทศ ราคาทองอาจได้รับแรงหนุนให้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 44,000 บาทต่อบาททองคำในช่วงปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีผลอย่างมากต่อราคาทอง หากมีสัญญาณว่าธนาคารกลางจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือเริ่มพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ราคาทองกันยายน 2567 มีแนวโน้มผันผวน และปรับตัวลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ราคาทองในช่วงปลายปี 2567 ยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเมืองระหว่างประเทศ ผู้ที่สนใจลงทุนในทองคำควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และพิจารณาลงทุนอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงเป้าหมายทางการเงิน และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเอง