ต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ ทำยังไง มีข้อดียังไงบ้าง?
สำหรับคนมีรถ หนึ่งในเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญคือ พ.ร.บ. ที่ต้องต่ออายุไม่ให้ขาด ซึ่งในปัจจุบันก็สะดวกสบายมากขึ้น โดยที่เราสามารถต่ออายุ พ.ร.บ. ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่กรมขนส่ง มาดูกันว่า ต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ ทำยังไง มีข้อดีอย่างไรบ้าง?
พ.ร.บ. คืออะไร? ทำไมต้องต่อทุกปี?
พ.ร.บ. หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เป็นประกันภาคบังคับที่เจ้าของรถทุกคันต้องทำตามกฎหมาย เพื่อให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ โดยผู้ที่ไม่มี พ.ร.บ. หรือไม่ต่ออายุอาจถูกปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท และไม่สามารถต่อภาษีรถประจำปีได้
ข้อดีของการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์
- สะดวก รวดเร็ว – ทำรายการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
- เปรียบเทียบราคาได้ง่าย – สามารถเลือกซื้อจากหลายบริษัทได้ในไม่กี่คลิก
- ได้รับกรมธรรม์ทันที – บางแห่งส่งเอกสารให้ทางอีเมลภายใน 5 นาที
- ปลอดภัย ไม่ต้องใช้เอกสารเยอะ – กรอกข้อมูลเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำรายการได้
- ชำระเงินได้หลายช่องทาง – โอนผ่านแอปธนาคาร บัตรเครดิต หรือ QR Code ได้เลย
ขั้นตอนการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์
- เลือกเว็บไซต์หรือตัวแทนประกันภัย เช่น เว็บไซต์ของบริษัทประกันภัย หรือนายหน้าที่น่าเชื่อถือ
- กรอกข้อมูลรถยนต์หรือจักรยานยนต์ เช่น ทะเบียนรถ ประเภทการใช้งาน รุ่น และปีจดทะเบียน
- เลือกแผน พ.ร.บ. และตรวจสอบราคา ส่วนใหญ่ราคามาตรฐานกำหนดโดย คปภ.
- ชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Mobile Banking, บัตรเครดิต, พร้อมเพย์ หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส
- รับกรมธรรม์ทางอีเมล หรือไปรษณีย์ นำเอกสารไปใช้ต่อภาษีรถประจำปีได้ทันที
ต่อ พ.ร.บ. รถแบบออนไลน์ ที่ไหนดี?
- บริษัทประกันภัยโดยตรง – เช่น วิริยะประกันภัย กรุงเทพประกันภัย เมืองไทยประกันภัย
- เว็บไซต์ตัวแทนประกันภัย – เช่น Roojai, Easyinsure, TQM
- แอปพลิเคชันธนาคาร – เช่น SCB, KBank, Krungthai
- เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก – สามารถต่อ พ.ร.บ. พร้อมต่อทะเบียนรถได้
จะเห็นได้ว่าการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ ถือเป็นวิธีช่วยให้เจ้าของรถสะดวกมากยิ่งขึ้น ประหยัดเวลาโดยไม่ต้องเดินทางไปถึงกรมขนส่ง เพียงมืออินเตอร์เน็ตก็สามารถทำได้ด้วยตนเองทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบราคา และเลือกช่องทางชำระเงินที่สะดวกได้ รวมถึงการต่อภาษีรถประจำปีด้วย ซึ่งแนะนำให้เลือกบริการที่สามารถทำทั้งสองอย่างได้พร้อมกัน ทั้งนี้ต้องต่อ พ.ร.บ. ก่อนหมดอายุทุกปี เพื่อความคุ้มครองที่ต่อเนื่อง และไม่โดนค่าปรับนั่นเอง