รีไฟแนนซ์บ้าน vs รีเทนชั่น ต่างกันยังไง แบบไหนเหมาะกับใคร?
การซื้อบ้าน ผ่อนบ้าน ที่เป็นทรัพย์สินขนาดใหญ่ ย่อมมาพร้อมกับภาระทางการเงินยาวหลายสิบปี ซึ่งต้องอาศัยความมั่นคงทางการเงิน และวินัยทางการเงินพอสมควร หากช่วงไหนที่เริ่มรู้สึกว่าต้องการความคล่องตัวมากขึ้น ทางเลือกหลัก ๆ ก็จะเป็น รีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่น ในวันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจว่า รีไฟแนนซ์บ้าน vs รีเทนชั่น ต่างกันยังไง แบบไหนเหมาะกับใคร? เพื่อเป็นอีกหนึ่งข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ที่กำลังผ่อนบ้านอยู่
รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร?
เป็นการกู้บ้านใหม่กับธนาคารอื่น หรือคือการขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารใหม่เพื่อนำมาปิดหนี้ทั้งหมดที่มีกับธนาคารเดิม โดยมีเป้าหมายหลักคือได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หรือขยายระยะเวลาในการผ่อน และได้วงเงินกู้เพิ่ม เพื่อนำเงินก้อนส่วนต่างไปหมุน
ข้อดีการรีไฟแนนซ์
- ดอกเบี้ยต่ำลง โดยเฉพาะปีแรก ๆ (ธนาคารใหม่มักจัดโปรดอกเบี้ยพิเศษ)
- ปรับระยะเวลาผ่อนให้ยาวขึ้น หรือลดค่างวดได้
- ขอวงเงินเพิ่มเพื่อนำไปใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น หมุนใช้ในครอบครัว ซ่อมบ้าน ปิดหนี้อื่น ๆ เช่น หนี้บัตรเครดิต
- สามารถเจรจาขอลดภาระผ่อนรวมได้
ข้อเสียการรีไฟแนนซ์
- ใช้เวลานานกว่าการรีเทนชั่น อาจกินเวลา 2–4 สัปดาห์
- มีค่าธรรมเนียมแแฝง เช่น ค่าจดจำนอง, ค่าประเมินราคา, ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ
- ต้องเตรียมเอกสารใหม่ทั้งหมด (เพื่อขอยื่นกู้สินเชื่อธนาคารใหม่)
รีเทนชั่นบ้าน คืออะไร?
เป็นการต่อรองอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม ซึ่งถือเป็นวิธีที่ง่าย และเร็วกว่า โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาระการอนุมัติขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่ เพียงติดต่อธนาคารเดิมเพื่อขอให้ลดดอกเบี้ยให้หลังหมดโปรช่วง 3 ปีแรก หรือมากกว่านั้น
ข้อดีการรีเทนชั่น
- ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนธนาคารให้วุ่นวาย
- ใช้เอกสารน้อยมาก เพียงเอกสารส่วนตัว และหนังสือแสดงความประสงค์
- ลดดอกเบี้ยได้ทันทีถ้าธนาคารอนุมัติ
- ไม่เสียค่าธรรมเนียมแฝงเพิ่มเติม ต่างกับการรีไฟแนนซ์ (บางกรณีอาจไม่เสียเลย)
ข้อเสียการรีเทนชั่น
- ดอกเบี้ยที่ได้อาจไม่ต่ำเท่าการรีไฟแนนซ์
- อาจไม่ผ่านอนุมัติ ขึ้นอยู่กับความยินยอมของธนาคารเดิม
- ไม่สามารถขอวงเงินเพิ่ม หรือเปลี่ยนแผนการผ่อนได้มากนัก
รีไฟแนนซ์บ้าน vs รีเทนชั่น เลือกแบบไหนดี?
ใครที่ยังเหลือหนี้บ้านเยอะ เพิ่งผ่อนได้ 3 ปีนิดหน่อย แล้วอยากลดดอกเบี้ยจริงจัง รวมถึงต้องการวงเงินเพิ่มเพื่อไปใช้เพิ่มสภาพคล่อง การรีไฟแนนซ์จะตอบโจทย์กว่า แต่อาจต้องพิจารณาในจุดที่อาจเสียดอกเบี้ยรวม ๆ เพิ่มมากขึ้น และเป็นหนี้นานกว่าเดิม
สำหรับการรีเทนชั่น จะเหมาะกับผู้ที่เหลือหนี้บ้านไม่มาก (ผ่อนมาแล้วเกินครึ่ง) แล้วต้องการลดอัตราดอกเบี้ยจากเดิม โดยอาจไม่ได้ต่ำสุดขนาดการทำรีไฟแนนซ์ และไม่ต้องการความยุ่งยากในการเตรียมเอกสาร เพื่อขอยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่ ซึ่งข้อควรพิจารณาก็คือขึ้นกับดุลยพินิจของธนาคารเดิมทั้งสิ้น
รายการ | รีไฟแนนซ์บ้าน | รีเทนชั่นบ้าน |
ธนาคารที่กู้ | ธนาคารใหม่ | ธนาคารเดิม |
ดอกเบี้ย | ต่ำกว่าชัดเจน (ช่วงแรก) | ลดได้เล็กน้อย |
เอกสาร | เตรียมใหม่ทั้งหมด | เอกสารน้อย |
ค่าใช้จ่าย | หลักหมื่น (ขึ้นอยู่กับยอดหนี้) | หลักพันหรืออาจไม่มี |
ระยะเวลาดำเนินการ | 2 – 4 สัปดาห์ | 3 – 10 วัน |
ขอวงเงินเพิ่ม | ได้ (บางกรณี) | ไม่ได้ |
เหมาะกับใคร | คนที่ผ่อนบ้านยอดสูง หรือต้องการลดภาระใหญ่ | คนที่มีหนี้คงเหลือไม่มาก อยากประหยัดแบบไม่ยุ่งยาก |
ต้องดูอะไรก่อนตัดสินใจ?
- ตรวจสอบกับทางธนาคารเจ้าหนี้ให้แน่ใจก่อนว่า หากจะทำรีเทนชั่นตอนนี้ จะได้ดอกเบี้ยที่เท่าไหร่
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของธนาคารอื่นที่รับรีไฟแนนซ์
- คำนวณส่วนต่างดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ กับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ว่าแบบไหนคุ้มกว่า
- ถ้าเน้นที่ความสะดวก ประหยัดเวลา และยังคงสภาพคล่องทางการเงินได้อยู่ อาจเลือกรีเทนชั่นไว้ก่อน แล้วค่อยมองหาโอกาสรีไฟแนนซ์ในอนาคต (หากต้องการ)
จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้น ก็พอจะเห็นภาพแล้วว่าระหว่าง รีไฟแนนซ์ และ รีเทนชั่น บ้าน ต่างกันอย่างไรบ้าง ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นวิธีช่วยลดดอกเบี้ยบ้านให้น้อยลง แต่ก็จะตอบโจทย์ในสถานการณ์ที่ต่างกัน ใครที่เหลือหนี้เยอะ และอยากรีเซ็ตแผนผ่อน ควรไปที่รีไฟแนนซ์ สำหรับใครที่อยากลดภาระเร็ว ๆ ไม่อยากยุ่งยากกับเอกสาร ให้ลองเริ่มที่รีเทนชั่นดูก่อน ที่สำคัญที่สุดคืออย่าลืมว่าการผ่อนบ้านคือภาระระยะยาว ยิ่งบริหารดอกเบี้ยดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งประหยัดเงินได้มากขึ้นเท่านั้น