สินเชื่อรถยนต์ คิดดอกเบี้ยยังไง ก่อนซื้อรถคันแรกต้องรู้
หลายคนที่กำลังวางแผนซื้อรถคันแรก ย่อมต้องเป็นกังวลในหลายเรื่องอยู่แล้ว โดยเฉพาะค่างวด และดอกเบี้ย ว่าในแต่ละเดือนจะต้องจ่ายยังไง เท่าไหร่บ้าง ซึ่งหากเข้าใจวิธีการคำนวณก็จะช่วยให้วางแผนการเงินได้แม่นยำ และไม่เสี่ยงต่อการเป็นหนี้เกินตัว มาดูกันว่า สินเชื่อรถยนต์ คิดดอกเบี้ยยังไง ก่อนซื้อรถคันแรกต้องรู้
สินเชื่อรถยนต์ คืออะไร มีกี่แบบ?
สินเชื่อรถยนต์ คือเงินกู้ที่สถาบันการเงินหรือไฟแนนซ์ปล่อยให้กับผู้ที่ต้องการซื้อรถ โดยมีรถคันนั้นเป็นหลักประกัน สินเชื่อรถยนต์แบ่งได้หลัก ๆ เป็น 3 แบบ
- สินเชื่อรถใหม่
สำหรับคนซื้อรถป้ายแดงจากโชว์รูม ผู้กู้มักจะได้วงเงินกู้สูง ดอกเบี้ยถูกกว่ารถมือสอง และระยะเวลาผ่อนที่ยาวกว่า
- สินเชื่อรถมือสอง
สำหรับคนซื้อรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว วงเงินกู้มักต่ำกว่ารถใหม่ ดอกเบี้ยสูงกว่าเล็กน้อย และขึ้นอยู่กับอายุ-สภาพรถ
- สินเชื่อรถแลกเงิน
สำหรับผู้ที่มีรถอยู่แล้วและต้องการเงินสดหมุนเวียน สามารถนำเล่มทะเบียนรถมาเป็นหลักประกันกู้ได้ โดยยังใช้รถได้ตามปกติ
สินเชื่อรถยนต์ คิดดอกเบี้ยยังไง?
1. วิธีคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate)
การเช่าซื้อรถยนต์ส่วนใหญ่ในไทยมักใช้วิธีคิดดอกเบี้ย Flat Rate หรือดอกเบี้ยคงที่ หมายความว่าคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นที่กู้ทั้งหมด แล้วหารเฉลี่ยจ่ายเท่ากันทุกงวด ซึ่งวิธีคิดมีดังนี้
หายอดจัดไฟแนนซ์
ยอดจัดไฟแนนซ์ = ราคารถ – เงินดาวน์
คำนวณดอกเบี้ยต่อปี
ดอกเบี้ยต่อปี = ยอดจัดไฟแนนซ์ × อัตราดอกเบี้ย
รวมดอกเบี้ยตลอดสัญญา
ดอกเบี้ยรวม = ดอกเบี้ยต่อปี × ระยะเวลาผ่อน
รวมยอดที่ต้องจ่าย
ยอดรวม = ยอดจัดไฟแนนซ์ + ดอกเบี้ยรวม
คำนวณค่างวดรายเดือน
ค่างวด = ยอดรวม ÷ จำนวนเดือน
ตัวอย่าง:
- ราคารถ 600,000 บาท
- ดาวน์ 40% → กู้ 480,000 บาท
- ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ผ่อน 5 ปี
ผลลัพธ์:
- ดอกเบี้ยรวม 72,000 บาท
- ยอดรวมต้องจ่าย 552,000 บาท
- ค่างวดประมาณ 9,200 บาท/เดือน
2. ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)
อีกหนึ่งรูปแบบคือ Effective Rate หรือดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ซึ่งจะคิดดอกเบี้ยตามยอดหนี้คงเหลือจริงในแต่ละงวด ทำให้ในงวดแรกดอกเบี้ยสูง แต่เมื่อเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยก็ลดตาม วิธีนี้มักพบในสินเชื่อรถแลกเงิน หรือบางธนาคารที่เสนอเงื่อนไขพิเศษ ข้อดีคือช่วยลดดอกเบี้ยรวมได้มากกว่าการคิดแบบ Flat Rate โดยเฉพาะหากโปะเงินต้นก่อนกำหนด
สูตรการคิดคร่าว ๆ คือ:
ดอกเบี้ยงวดนั้น = (เงินต้นคงเหลือ × อัตราดอกเบี้ย × จำนวนวันในงวด) ÷ 365
ทำไมต้องเข้าใจวิธีคิดดอกเบี้ยสินเชื่อรถ?
เพราะการเลือกดาวน์ หรือระยะเวลาผ่อนมีผลอย่างมากต่อภาระหนี้ เช่น:
- ดาวน์มากขึ้น ดอกเบี้ยน้อยลง → เงินต้นลด ทำให้ค่างวดเบาลงและประหยัดดอกเบี้ย
- ผ่อนสั้น ค่างวดสูง แต่ดอกเบี้ยรวมถูกกว่า
- ผ่อนยาว ค่างวดต่ำ แต่ดอกเบี้ยรวมแพงกว่า
ยกตัวอย่างง่าย ๆ รถราคา 800,000 บาท
-
- ดาวน์ 20% → ค่างวด ~12,800 บาท
- ดาวน์ 40% → ค่างวด ~9,600 บาท
เคล็ดลับจัดการดอกเบี้ยให้คุ้มค่า
- เลือกดาวน์สูงสุดที่ทำได้ เพื่อให้ยอดกู้ต่ำลง
- กำหนดระยะเวลาผ่อนให้เหมาะกับรายได้ ไม่ควรเกิน 30 – 40% ของรายได้ต่อเดือน
- โปะเงินต้นเมื่อมีเงินก้อน บางไฟแนนซ์มีส่วนลดดอกเบี้ยหากปิดก่อนกำหนด
- รีไฟแนนซ์เมื่อเจอดอกเบี้ยที่ถูกกว่า โดยเฉพาะหลังผ่อนไปแล้ว 2–3 ปี
ก่อนซื้อรถคันแรก ควรเข้าใจว่าสินเชื่อรถยนต์ มีดอกเบี้ยทั้งแบบ Flat Rate และ Effective Rate ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน หากเปรียบเทียบ และวางแผนดาวน์กับระยะเวลาผ่อนอย่างรอบคอบ จะช่วยประหยัดเงินในระยะยาว และทำให้การเป็นเจ้าของรถคันแรกเป็นเรื่องที่สบายกระเป๋ามากขึ้น