“ทำไมต้องทำประกัน ในเมื่อชีวิตก็มีความสุขดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ได้เดือดร้อนอะไร จะไปเป็นหนี้ทำไม”
นี้คือคำกล่าวของผู้ที่มองว่าการทำประกันเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่ในความเป็นจริงเราไม่ควรมองข้ามการทำประกัน เนื่องจากเราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น หากประสบอุบัติเหตุต้องเข้ารักษาพยาบาลจะเอาเงินที่ไหนมาเป็นค่ารักษา เมื่อลูกโตขึ้นจะเอาเงินที่ให้ลูกเรียนจนจบมหาลัย
ดังนั้น การทำประกันไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี ประกอบกับในปัจจุบันมีกรมธรรม์ในรูปแบบประกันที่หลากหลาย และเบี้ยประกันที่มีราคาถูก จึงสมควรที่จะมองหาประกันไว้อุ่นใจสักหน่อย เริ่มจากทำความรู้จักรูปแบบของประกันต่างๆ ทำไมต้องทำประกัน
1. แบบสะสมทรัพย์ (Endowment)
เป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นกรมธรรม์ที่สามารถรับผลประโยชน์ที่คุ้มครองสูงสุดคือหากสูญเสียชีวิตก่อนครบสัญญาก็ได้รับเงิน หรืออยู่ครบสัญญาก็ได้รับเงิน จึงเป็นรูปแบบประกันที่คุ้มที่สุด
2. แบบบำนาญ (Annuity)
เป็นแบบที่เมื่อผู้ทำประกันอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี จะได้รับเงินคืน (บำนาญ) เป็น รายงวดเท่าๆ กันอย่างสม่ำเสมอจนถึงอายุ 85 ปี หรือมากกว่า และได้รับเงินบำนาญคืนเมื่อได้ชำระเบี้ยประกัน ครบตามสัญญา
3. แบบชั่วระยะเวลา (Term)
ให้ความคุ้มครองตามวงเงินและระยะเวลาที่กำหนด หากผู้เอาประกันอยู่ไม่ครบสัญญาจะไม่ได้รับเงิน
4. แบบตลอดชีพ (Whole life)
ให้ความคุ้มครองไปสิ้นสุดเอาตอนที่ผู้เอาประกันเสียชีวิต ไม่ว่าขณะนั้นจะอายุเท่าใดก็ตาม หากอายุครบ 99 ปี หรือ 100 ปี แล้วยังมีชีวิตอยู่ความคุ้มครองก็จะสิ้นสุดลงและบริษัทจะคืนทุนประกันให้กับ ผู้เอาประกันผู้นั้นทันที
พอเห็นภาพเบื้องต้นแล้ว ว่ารูปแบบประกันนั้นมีประโยชน์อย่างไร น่าจะทำให้การตัดสินใจเลือกซื้อประเภทของประกันได้ง่ายยิ่งขึ้น ต้องไม่ลืมว่าการทำประกันคือเพื่ออนาคตที่ไม่อาจคาดเดาได้