อ่านเรื่องหนักๆเครียดๆทั้งหนี้สิน และการเงินกันมาเยอะแล้ว มาผ่อนคลายสบายๆกับเรื่องเล่ากันบ้างดีกว่า เรื่องนี้มีต้นเหตุมาจากคำถามของคุณยายของผู้เขียนซึ่งท่านอายุ 87 แล้ว ก็ผ่านโลกมามากพอสมควร ผ่านเหตุการณ์ในชีวิตมามากมายจนมีเรื่องเล่าให้ฟังเยอะแยะ วันนี้เลยอยากมาเล่าให้ฟังกันบ้าง บอกเลยว่าฟังแล้วอยากย้อนไปสมัยคุณยายสาวๆเลยทีเดียว
ทำไมเดี๋ยวนี้อะไรๆก็แพง ?
คำถามนี้เกิดจากผู้เขียนซื้อขนมเค้กมาให้คุณยายทาน เพราะเห็นว่าท่านอยากทานของหวาน ซึ่งพอบอกราคาไปท่านถึงกับช๊อค และหมดความอยากรับประทานไปทันทีเพราะความเสียดายเงิน เพราะราคาของเค้กชิ้นนั้นคือ 80 บาท ซึ่งนับว่าราคาสูงและซื้อจากคาเฟ่แมวเล็กๆ เปิดใหม่หน้าตลาด ไม่ได้เป็นร้านเบเกอรี่แต่อย่างใด
เกริ่นมาเสียเยอะ มาเข้าเรื่องเลยดีกว่า พอบอกว่าชิ้นละ 80 ท่านก็ถามต่อว่าซื้อมากี่ชิ้น พอตอบไปว่าสองชิ้นเท่านั้นล่ะ ท่านถึงกับบ่นมาเลยว่า ทำไมเดี๋ยวนี้อะไรๆก็แพง ซื้อมาทำไมตั้งหลายชิ้น ขนมชิ้นเท่านี้ราคาเกือบสองร้อย เงินสองร้อยสมัยยายยังสาวๆนี่กินได้หลายเดือนเลยนะ
เท่านั้นล่ะ ด้วยความอยากรู้ ก็เลยให้ท่านเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านยังสาวๆนี่ค่าครองชีพเป็นอย่างไร ใช้จ่ายเงินกันอย่างไร ท่านบอกว่าข้าวของสมัยก่อนไม่แพง เหมือนสมัยนี้ เงินเดือนแม้จะไม่ได้สูงมาก แต่ค่าครองชีพก็ต่ำ ใครได้เงินเดือนหลักร้อยนี่ถือว่าเยอะมากแล้ว ยิ่งได้ถึงพันนี่เทียบได้กับเงินเดือนผู้บริหารระดับสูงในสมัยนี้เลยทีเดียว ท่านบอกว่าสมัยท่านเด็กๆ ไปโรงเรียนวัดแถวบ้าน ค่าขนมไม่ต้องเอาไปเลยสักบาท ห่อข้าวไปกินเองโรงเรียนก็ไม่ได้มีขนมอะไรขายมากนัก ด้วยความที่อยู่ในวัด มีของกินเยอะแยะ เพราะพระท่านแบ่งมาแจก ท่านบอกสมัยนั้นไม่นิยมเรียนสูงๆกันเท่าไหร่ สำหรับลูกชาวสวนอย่างท่านจบแค่ ป.7 ก็ต้องทำงานกันแล้ว ทำสวนบ้าง ขายของบ้าง หรือทำงานอื่นๆแล้วแต่ที่หาทำได้ในสมัยนั้น คุณยายเองก็ออกมาช่วยที่บ้านค้าขาย คือพายเรือขายขนม ตอนนั้นคุณยายอยู่ในสวนแถวพระประแดง ก็พายออกมาขายตามริมน้ำแถวท่าเรือคลองเตยบ้าง ท่านบอกว่าสนุกมาก ของขายก็ไม่แพงเหมือนสมัยนี้ ผู้คนมีเงินจับจ่ายใช้สอยตามฐานะ ไม่ค่อยมีคนเป็นหนี้ เพราะเป็นหนี้เหมือนเป็นทาสเจ้าของเงิน คนสมัยนั้นจึงนิยมประหยัดอดออมกัน มากกว่าที่จะฟุ่มเฟือย ถ้าไม่รวยจริงๆจะไม่กินข้าวตามร้านอาหาร หรือฟังเพลงนอกบ้าน
สภาพสังคมการเมืองก็เป็นไปตามยุคสมัย ซึ่งท่านเกิดมาในยุค อันธพาลครองเมือง ยุคที่ยังนิยมใช้คำว่าท่านผู้นำ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกในสมัยนั้นยังใช้คำว่าจอมพลนำหน้าอยู่ กฎระเบียบต่างๆในสังคมเคร่งครัดกว่าสมัยนี้มาก เพียงแต่ไม่ทันสมัยเท่าในยุคนี้เท่านั้น ท่านบอกว่าท่านเห็นความเปลี่ยนแปลงมามากมายหลายยุค ท่านเห็นสภาพบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา เวลาผู้เขียนพาท่านออกไปไหนซักที่ ก็มักจะร้องถามว่าที่นี่ที่ไหนทำไมเดี๋ยวนี้ดูวุ่นวายจัง หรือเวลาพาไปห้างสรรพสินค้า หากท่านรู้ดูราคาของแล้วล่ะก็ แทบไม่ต้องซื้อกันเลยทีเดียว เพราะท่านจะบอกว่า ทำไมเดี๋ยวนี้อะไรๆก็แพง แล้วก็จะถามเราว่าซื้อทำไม จำเป็นต้องใช้เหรอ รีบหรือไง ถ้ามาเป็นชุดแบบนี้นั่นคือท่านไม่ให้ซื้อนั่นเอง ที่บ้านจะรู้กันดีว่าหากซื้ออะไรมาให้ท่านทานนอกเหนือจากที่เคยทานประจำแล้วล่ะก็ ต้องบอกราคาหารสองหารสี่กันเลยทีเดียว ไม่งั้นท่านจะทานไม่ลงเพราะรู้สึกว่าแพง
ยังมีเรื่องราวอีกเยอะที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง เป็นการเปิดมุมมองย้อนกลับไปยุคเก่าๆในบ้านเรา หากบ้านใครมีปู้ย่าตายายอาศัยอยู่ด้วยกันล่ะก็ คุยกับท่านบ้างนะคะ เพราะการได้คุยกับคนแก่ๆนี่ถือว่าได้ความรู้ ได้ประโยชน์ และทำให้ท่านไม่เหงา หรือพาท่านไปเที่ยวบ้าง ท่านจะมีความสุขมากเลยทีเดียว คุณยายของผู้เขียนทุกวันนี้ยังแข็งแรง ในบางครั้งยังแอบหนีไปเที่ยวนอกบ้านคนเดียวด้วย ที่สำคัญคือนั่งมอเตอร์ไซค์วินด้วยนะ มีขาประจำพากันไปตลาดบ่อยๆ คุณยายของผู้เขียนซิ่งไหมล่ะ?