เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าคะว่า ทำไมคนบางคนถึงมีเงินทองมากกว่าคนอีกกลุ่มหนึ่งถึง 10 กว่าเท่า เพราะว่าคนกลุ่มแรกทำงานมากกว่าคนอีกกลุ่มรึเปล่า หรือว่า เพราะคนกลุ่มแรกโชคชะตาลิขิตมาให้หาเงินได้มากกว่า หรือ เพราะคนกลุ่มแรกมีสติปัญญาฉลาดมากกว่าคนอีกกลุ่มหนึ่ง ทั้งหมดนี้ไม่น่าจะใช่คำตอบของคนที่ประสบความสำเร็จ หรือ คนที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีหรอกค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้คนบางกลุ่มมีความเป็นอยู่ที่มั่งมีอุดมไปด้วยเงินทองนั้น จริง ๆ แล้วสิ่งที่ส่งผลต่อความสำเร็จของพวกเขาอยู่ที่วิธีคิดและการจัดการด้านการเงินที่ดีมากกว่าคนอีกกลุ่มหนึ่งต่างหาก
แล้วตัวคุณเองล่ะคะ อยากจัดตัวเองไปอยู่ในกลุ่มไหน ถ้าไม่อยากกลุ้มใจ หรือ เสียใจทีหลัง ก็มาทำความเข้าใจ วิธีรวย วิธีคิดกำหนดทางเดินชีวิตของตัวเองใหม่ด้วยกันสิคะ
วิธีคิดแบบคนรวย ประการที่ 1
ก็คือ การมองเห็นคุณค่าและรู้จักมูลค่าของเงินอย่างแท้จริง สำหรับบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น เขามองว่าเงินแต่ละบาท แต่ละสตางค์ก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ที่จะให้ร่มเงาและดอกผลไว้เก็บกินในวันข้างหน้าค่ะ ถ้าวันนี้คุณปล่อยให้เมล็ดพันธุ์ตกหล่นไปตามพื้นอย่างน่าเสียดาย คุณก็พลาดโอกาสที่จะมีต้นไม้ไว้เก็บกินไปอีกต้นหนึ่ง หากคุณปรารถนาที่จะมั่งมีเงินทอง คุณก็ต้องดูแลเมล็ดพันธุ์ทุกเม็ดให้ดี ดังนั้น เงินทุกบาทที่เหลือในแต่ละวันนั้น ถ้าคุณเก็บออมจากหนึ่งบาทก็จะกลายเป็นเงินหมื่นเงินแสนและเงินล้านในวันข้างหน้าค่ะ เปลี่ยนวิธีมอง ชีวิตก็เปลี่ยนนะคะ บอกตรง ๆ
วิธีคิดแบบคนรวย ประการที่ 2
ก็คือ เป็นเจ้านายของเงิน นั้นก็คือ คุณต้องสามารถควบคุมเบ็ดเสร็จกับเงินทุกเม็ดได้เด็ดขาดค่ะ ทุกบาททุกสตางค์ก็ต้องถูกนำมาใช้สอยอย่างรู้คุณค่า ดังนั้น ในความคิดของคนรวย พวกเขาจะไม่ใช้จ่ายกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น แต่เงินทุกบาทที่ไหลออกไปต้องได้ของที่สร้างประโยชน์ได้กลับคืนมา, สำหรับคนรวย เขาเลือกที่จะได้ส่วนลด และ พยายามต่อรองให้ได้มาค่ะ และ ในทุก ๆ การจับจ่ายที่เกิดขึ้น คนรวยจะใส่ใจในรายละเอียดและตรวจทานเสมอว่าข้อมูลการใช้จ่ายนั้นถูกต้องค่ะ และหากจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินก้อนใด ๆ ออกไป คนรวยก็จะหาทางให้ค่าใช้จ่ายก้อนนั้นสามารถนำมาลดหย่อนภาษี หรือ สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายเชิงธุรกิจได้ นั่นเองค่ะ และคนรวย ๆ บางคนจะเก็บใบเสร็จรับเงินทุกใบไว้อย่างดีในแฟ้ม เพื่อที่จะยืนยันค่าใช้จ่ายและเตือนใจของเขาว่า ได้ใช้จ่ายเงินไปทำอะไรบ้างค่ะ
วิธีคิดแบบคนรวย ประการที่ 3
ก็คือ ออมเงินวันนี้คือใบเบิกทางสู่ความมั่งคั่งในวันพรุ่งนี้ ดังนั้น เจ้าสัวและพ่อค้าเศรษฐีทั้งหลาย จึงสอนลูกหลานให้รู้จักการออมตั้งแต่เด็ก ๆ รายได้ที่หามาไม่ว่าจะมากหรือน้อยอย่างไร ต้องหักไว้อย่างน้อย ๆ ก็ประมาณ 10% เพื่อการออมสำหรับวันพรุ่งนี้ค่ะ
วิธีคิดแบบคนรวยประการที่ 4
คือ กระจายการลงทุน คนรวยจะคิดถึงความเป็นอยู่ที่สำคัญก็คือน้ำ เมื่อเริ่มทำงาน คุณมีถังน้ำว่างเปล่าอยู่หนึ่งใบ คุณก็ต้องทำงานให้มากและออมเงิน 10% มาใส่ในถังใบแรกจนเต็ม เมื่อถังใบแรกเต็มแล้วและมีน้ำเพียงพอสำหรับให้คุณดื่มกินไปอีก 3 เดือน คุณก็เก็บถังใบนั้นขึ้นเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ส่วนเงินที่หามาได้หลังจากนี้ ก็ต้องนำมาใส่ลงในถังใบที่สอง โดยครั้งนี้เงิน 10% ของคุณจะกระจายมาอยู่ในถัง 3 ใบ ใบที่หนึ่งสำหรับการลงทุนเดิม ๆ ใบที่สอง การลงทุนที่เสี่ยงระดับกลาง และ ใบที่สามสำหรับการลงทุนที่เสี่ยงสูงสุด ตามกำลังที่เราจะยอมรับความเสี่ยงนั้นไหว ซึ่งปัจจุบันนี้ คุณสามารถสอบถามและขอคำปรึกษาจากธนาคารเรื่องการลงทุนที่เหมาะสมได้ค่ะ และเพื่อให้จิตใจไม่ไขว่เขว้และมีวินัยการออมเงินที่ดี ขอแนะนำให้มือใหม่หัดออม เลือกวิธีหักเงินจากบัญชีธนาคารอัตโนมัตินะคะ บางครั้งเราก็พึ่งพาเทคโนโลยีบ้าง จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้สะดวก สบาย และ ไม่พลาดทุกการออมด้วยค่ะ
วิธีคิดแบบคนรวยประการที่ 5
เปิดประตูหน้าต่างรับเงินทุกช่องทาง คนรวยมักจะไม่ผูกติดกับงานหรือรายได้ด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียวค่ะ แต่เขาจะใช้ทุกโอกาสและกำลังกอบโกยรายได้ให้มากขึ้น เพราะทุกงานมีความเสี่ยง บางสิ่งที่เรามองว่ามั่นคงก็อาจจะล่มสลายลงได้ หน้าที่การงานและบริษัทฯ ที่เราเดินเข้าออกทุกวัน ก็อาจเปลี่ยนแปลงนโยบายลดจำนวนพนักงานได้เช่นกันค่ะ ตั้งตนไว้ในความไม่ประมาทด้วยการเปิดทางหารายได้จากงานเสริมอื่น ๆ กันด้วยนะคะ
วิธีคิดแบบคนรวยประการที่ 6
ก็คือ การให้ ค่ะ คนรวยที่เจริญมั่งคั่งนั้นไม่ได้มั่งมีแต่ทรัพย์สิน แต่โดยมากจะพรั่งพร้อมด้วยน้ำใจและการแบ่งปัน รายได้ที่หามาจะถูกส่งต่อเป็นเงินบริจาคเพื่อผู้อื่น และ เพื่อสังคม อีกอย่างน้อย 10% เพราะคนรวยมองว่าเมล็ดพันธุ์อย่างเงินตราเมื่อเขาเองก็เก็บกินแล้ว ผู้อื่นในสังคมก็ควรได้ร่มเงาและดอกผลไว้เก็บกินเช่นกัน สังคมถึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุขค่ะ