พอก้าวเข้าสู่วัยทำงาน เป็นก้าวแรกที่เราหาเงินได้ และมีรายได้อย่างเต็มตัว ณ เวลานี้ ใครที่เพิ่งทำงานมีรายได้ประจำ เราอยากเตือนคุณว่า อย่าเพิ่งรีบทำบัตรเครดิต อย่าเห็นแก่ของแถมที่ได้จากการสมัครบัตรเครดิต หรือ อย่าหลงไปกับคำพูดหว่านล้อมต่างๆ เมื่อใดก็ตามที่เรามีบัตร และเริ่มใช้บัตรซื้อข้าวของทั้งหลาย เรามักจะลืมไปชั่วขณะว่าได้เบิกเงินในอนาคตออกมาใช้แล้ว และด้วยความสะดวกในการใช้จ่ายบวกกับเมื่อเรารูดบัตรเครดิต เราไม่ได้จับต้องเงินด้วยมือ จึงเพลินไปว่ารูดครั้งละพัน สองพัน ไม่น่าจะเท่าไร รูดแล้วผ่อนจ่ายเอาก็ได้ คงเป็นเงินไม่เท่าไร
แล้วคุณจะตกใจกับยอดใช้จ่ายที่เรียกเก็บเมื่อถึงกำหนดชำระ และหากไม่ชำระเต็มจำนวน ดอกเบี้ยจากการค้างชำระจะเป็นเหมือน หนี้ อีกก้อนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมา
วิธีการปลดปล่อยตัวเองออกจากหนี้นั้น ไม่เคยมีใครแนะนำให้เราทุ่มเงินทั้งหมดที่หามาได้ ไปกับการชำระหนี้ จริงอยู่ที่ว่าเมื่อเรามี หนี้ ก็ควรจะเร่งปลดหนี้ให้หมด แต่ถ้าเราเอาเงินทั้งหมดที่หามาได้ไปโปะหนี้จนหมด เราก็จะไม่มีทุนสำหรับใช้จ่ายในวันนี้ และไม่มีทุนสำรองเผื่ออนาคต วิธีปลดหนี้ที่ถูกต้องนั้น ให้ลองเปรียบเทียบกับช่วงเวลาในชีวิตของเรา 3 ช่วงเพื่อให้เห็นภาพ คือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งอดีตนั้นก็เปรียบเหมือนหนี้สินต่าง ๆ ที่เราสร้างขึ้นมาแล้ว ปัจจุบันคือการที่เราทำงานหาเงินมาใช้จ่าย และใช้หนี้ที่สร้างขึ้นในอดีต ส่วนอนาคตก็เหมือนเป็นความมั่นคงในชีวิตที่เราจะสร้างขึ้นนั่นเอง เราทุกคนต่างก็ต้องทำให้ช่วงเวลาทั้งสามดำเนินไปอย่างสมดุลกัน เราหาเงินในวันนี้ก็เพื่อจ่ายหนี้ของเมื่อวาน และเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตกันทั้งนั้น
สมมุติว่า คุณน้องหาเงินได้มา 100 บาท ให้คุณน้องลองแบ่งเงินก้อนนี้ออกเป็น 3 ส่วนนะคะ โดยส่วนแรกสำหรับใช้จ่ายหนี้ในอดีตประมาณ 50% และ ส่วนที่สอง 40% สำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ก็คือ วันนี้ และ ส่วนที่เหลืออีก 10% ให้เก็บเป็นเงินออมเพื่อวันพรุ่งนี้ เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น
ถ้าเราสามารถบริหารจัดการทั้ง 3 ช่วงเวลาให้ลงตัวได้ ไม่เสียสมดุลไปในทางใดทางหนึ่ง ชีวิตของเราก็จะมั่นคงขึ้นแต่ถ้าเราให้ความสำคัญกับอดีต มุ่งที่จะปลดหนี้อย่างเดียวจนเกินไป หาเงินมาได้เท่าไรก็ใช้หนี้จนหมด ก็จะทำให้ความมั่นคงในอนาคตเลื่อนลอยออกไปอีก
ดังนั้นถ้าวันนี้เรามีหนี้สิน ที่ถูกติดตามทวงถาม ก่อนอื่นให้วางแผนก่อนว่ามีหนี้ส่วนใดที่ต้องชำระบ้าง ถ้ามีหลายส่วนให้ดูว่ามียอดค้างชำระแต่ละเจ้าเท่าไหร่ นำยอดหนี้ที่ต้องชำระนั้น มาคิดเป็นยอดที่ต้องจ่ายรายเดือน และระยะเวลาผ่อนชำระแต่ละเจ้า อย่างเช่น หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้ผ่อนชำระสินค้า ที่สำคัญทำเครื่องหมายกำกับด้วยว่า อันไหนเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบไหน เป็นดอกเบี้ยคงที่เหมือนหนี้รถ หรือแบบลดต้นลดดอกเหมือนหนี้บ้าน โดยหากมีเงินก้อนควรโปะหนี้แบบลดต้นลดดอกก่อน เพราะยิ่งชำระหมดไวก็ยิ่งเสียดอกเบี้ยน้อยลง
จากนั้นเราก็ค่อยมาแบ่งกลุ่มเจ้าหนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มียอดหนี้ค้างชำระสูง กับอีกกลุ่มคือดอกเบี้ยสูง แล้วเจรจาขอปรับอัตราดอกเบี้ย และค่าผ่อนชำระต่องวด แนะนำให้ชำระยอดที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน แล้วค่อยผ่อนชำระหนี้ที่มียอดสูงแต่ดอกเบี้ยคงที่ โดยพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากรายได้และรายจ่ายในแต่ละเดือน แล้วประเมินว่าเราสามารถชำระหนี้ได้เท่าไหร่ หากประเมินแล้วว่าไม่สามารถชำระหนี้ตรงตามกำหนดได้ ควรขอผ่อนผัน หากผิดนัดชำระหนี้จะเสียเครดิตได้ เมื่อชำระหนี้ในแต่ละส่วนจนหมดแล้ว ให้นำเงินส่วนที่เคยชำระไปปิดหนี้ส่วนอื่นโดยเร็ว เพื่ออิสรภาพทางการเงินที่อยู่ไม่ไกล