ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ถือเป็นเทศกาลเปิดเทอม หรือเปิดภาคเรียนของเด็ก ๆ หลายคน และถือเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายและเสียค่าใช้จ่ายมากทีเดียวสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะตราบใดที่ยังมีลูกหลานอยู่ในวัยเรียน ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องค่าใช้จ่ายของลูก ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อแม่หลายคนตระหนักและให้ความสำคัญตลอดเวลา
ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเรียนก็มิใช่จำนวนน้อย ๆ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกหลานอยู่ในวัยเรียนต้องวางแผนการเงินไว้และวางแผนสำหรับอนาคตข้างหน้าล่วงหน้าด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียมพร้อมรับวันเปิดเทอมมีเทคนิคในการ บริหารเงิน จัดการอย่างไรบ้างนั้น มีคำแนะนำดังนี้ค่ะ
ทำบัญชีของลูกโดยเฉพาะ
อาจรวบรวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาไม่เพียงแต่ค่าเทอมหรือค่าหน่วยกิตเท่านั้น ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมเงินไว้ ยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษารูปแบบอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมเงินให้เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นค่าเสื้อผ้าชุดนักเรียน ค่าสมุดหนังสือ ค่าอุปกรณ์เครื่องเขียน ค่าบำรุงโรงเรียน/ห้องสมุด ค่ากิจกรรมของโรงเรียน/ค่าทัศนศึกษา ฯลฯ นอกจากนี้ หากครอบครัวใดมีลูกหลายคน ต้องแจกแจงค่าใช้จ่ายให้ละเอียดยิ่งขึ้น เพราะเด็กแต่ละคน หากเรียนต่างระดับชั้นกันย่อมมีค่าใช้จ่ายในการเรียนที่แตกต่างกัน เช่น เด็กที่เรียนระดับมหาวิทยาลัยอาจมีค่าใช้จ่ายปลีกย่อยมากกว่าเด็กระดับมัธยมศึกษาและประถมศึกษา เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและแบ่งเบาภาระทางการเงินของครอบครัวในภาวะค่าครองชีพสูง แนะนำให้ปรับลดค่าใช้จ่ายในการเรียนบางอย่างลง เช่น ค่าชุดนักเรียน รองเท้านักเรียน อุปกรณ์เครื่องเขียน สามารถซื้อของใหม่บ้างพอประมาณไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ทุกครั้งที่เปิดภาคเรียน หากชุดนักเรียน หรือรองเท้านักเรียนของเดิมที่มี ยังอยู่ในสภาพดี ก็สามารถใช้ต่อไปได้ เพื่อเป็นการปลูกฝังนิสัยประหยัด และรู้ค่าของเงินให้กับลูกด้วย
แผนสำหรับเรียนพิเศษ
สำหรับการเรียนพิเศษเพิ่มเติมด้านต่างๆควรให้ลูกตัดสินใจให้ดีเสียก่อนการลงเรียนพิเศษต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ปัจจุบันพ่อแม่หรือผู้ปกครองนิยมส่งลูกหลานไปเรียนกวดวิชา หรือเรียนพิเศษ เพื่อเสริมทักษะความรู้ให้มากขึ้น เช่น เรียนเสริมทักษะด้านภาษา ดนตรี หรือกีฬา ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการเรียนพิเศษก็มิใช่เงินจำนวนน้อย ๆ แนะนำว่า ก่อนสมัครเรียนพิเศษ ควรให้ลูกหลานได้รู้ความต้องการของตัวเองก่อนว่า อยากเรียนอะไร เพื่อให้การเรียนพิเศษเกิดประโยชน์ต่อลูกหลานจริง ๆ หรือสถาบันเรียนพิเศษบางแห่งให้นักเรียนสามารถทดลองเรียนได้ก่อน ซึ่งการทดลองเรียนจะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่า ชอบแนวการสอนหรือไม่ หรือจะเลือกเรียนพิเศษด้านใด เพราะจะได้ไม่ต้องลงเรียนใหม่เรื่อยๆ ซึ่งเสียทั้งเงินทั้งเวลา แถมไม่ได้ความรู้อีกต่างหาก
ควรวางแผนการเดินทางไปโรงเรียน
หากการเปิดเทอมของลูกหลานเป็นการเลื่อนระดับชั้นในสถานศึกษาแห่งเดิม เรื่องการเดินทางไปโรงเรียนอาจไม่เป็นปัญหาเท่ากับการเปลี่ยนแปลงสถานศึกษาที่อาจต้องวางแผนการเดินทางใหม่ โดยหากพ่อ-แม่ขับรถรับส่งลูกหลาน จะต้องวางแผนการเดินทางเพื่อให้สอดคล้องกับสถานที่ตั้งของโรงเรียนและที่ทำงานของผู้ปกครอง แต่หากโรงเรียนอยู่ไกลบ้าน อาจเลือกใช้บริการรถรับ-ส่งของโรงเรียน สำหรับลูกหลานที่โตมากพอและเข้าศึกษาในโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่อยู่ในกรุงเทพฯ อาจเลือกใช้บริการรถสาธารณะ จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลงได้
สำหรับนักศึกษาที่มาจากต่างจังหวัดมากรุงเทพเพื่อมาศึกษาต่อ หากไม่มีบ้าน หรือญาติพี่น้อง อยู่อาศัยในจังหวัดนั้น อาจต้องมีการมองหาที่พัก หรือหอพัก ควรมองหาที่พัก/หอพัก ที่ใกล้กับมหาวิทยาลัย เพื่อจะได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรืออาจพักในหอที่ทางมหาวิทยาลัย เพราะบางแห่งจะมีที่พักในมหาวิทยาลัยให้นักเรียน/นักศึกษา ซึ่งราคาไม่แพง มีความปลอดภัยสูง แต่จะมีกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และอาจมีนักเรียนนักศึกษาต้องการเข้าพักจำนวนมาก ซึ่งจำนวนหอพักของมหาวิทยาลัยที่มีอาจไม่เพียงพอกับความต้องการ แต่หากต้องมองหาที่พัก/หอพักที่อยู่ภายนอกมหาวิทยาลัย แนะนำให้เลือกที่พักใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งชุมชน เพื่อความปลอดภัย และความสะดวกในการเดินทางและประหยัดค่าใช้จ่ายได้
ควรบริหารจัดการเงินค่าขนม
เมื่อลูกหลานโตมากพอ พ่อแม่อาจเปลี่ยนจากเดิมที่ให้เงินค่าขนมแก่ลูกเป็นรายวันมาเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน ยกตัวอย่างเช่น ให้เงินลูกเป็นรายสัปดาห์ ก็ควรลดค่าใช้จ่ายของวันถัดไป หากใช้ไม่ถึงก็สามารถสอนให้ลูกเก็บออมเงินเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งวิธีเช่นนี้จะช่วยให้ลูกสามารถบริหารเงินรายรับได้เพียงพอตลอดทั้งสัปดาห์ และเป็นการเริ่มต้นฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบ รู้จักจัดสรรเงินที่ได้รับให้เพียงพอกับการใช้จ่ายตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้
การวางแผนเตรียมความพร้อมเพื่อการศึกษาลูกถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการรวบรวมค่าใช้จ่ายจะช่วยให้ทราบว่า ค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมดสำหรับลูกทุกคนเป็นเงินจำนวนเท่าไร เพื่อตรวจสอบว่าเงินออมที่มีอยู่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้สำหรับเปิดเทอมใหม่นี้หรือไม่ หากมีเงินเก็บออมเพียงพอ อาจไม่เป็นปัญหามากนัก
แต่หากครอบครัวใดที่เตรียมตัวไม่พร้อมสำหรับวันเปิดเทอม เงินออมที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการเรียน อาจขอทุนการศึกษาของโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หรือพึ่งพาตัวเองโดยการแปลงสินทรัพย์ที่มีเป็นเงินสด ขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เช่น สินเชื่อบุคคล สินเชื่อเพื่อการศึกษา เป็นต้น แต่ต้องพิจารณาให้ดีก่อนการตัดสินใจทำสินเชื่อและต้องมั่นใจได้ว่า มีความสามารถพอที่จะใช้หนี้ในแต่ละเดือนด้วย