ว่ากันว่าสิ่งเดียวที่แยกคนรวยกับคนจนออกจากกันก็คือ ความคิด เพราะการที่มีหลักการคิดไม่เหมือนกันนี้เองทำให้เกิดการกระทำและผลของการกระทำที่แตกต่างกัน มีแนวคิดดี ๆ จากหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า Secret of the Millionaire Mind ซึ่งให้หลักการง่าย ๆ ของคนรวยเกี่ยวกับแนวคิดด้านต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตและการประกอบธุรกิจ โดยมีหัวใจสำคัญที่รวบยอดออกมาว่าคนรวยคิดอย่างไร และคนจนคิดอย่างไร ถ้าเราได้เรียนรู้ความแตกต่างของความคิดทั้งสองแบบแล้ว ก็สามารถที่จะออกแบบแนวคิดของตนเองได้ว่าอยากเลือกทางไหน คนรวย หรือ คนจน
ในเบื้องต้นนั้นไม่ว่าจะเคยมีความคิดอย่างไรมาก่อนก็ไม่เป็นปัญหา เพราะความคิดสามารถเปลี่ยนแปลงได้จากการตรึกตรองและปรับทัศนคติ คนที่พบว่าตัวเองมีแนวคิดแบบคนยากจนมาก่อนก็ไม่ต้องกลัว และจะยิ่งมีกำลังใจเมื่อรู้ว่าความคิดของคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงกันได้ เหมือนการเทน้ำดีไล่น้ำเสีย (แนวคิดของ โจเซฟ เมอร์ฟี่ – The Power of Subconscious Mind) ย่อหน้าด้านล่างจะเป็นการอธิบายแนวคิดทั้งสองขั้ว
แนวความคิดของความร่ำรวย
สิ่งที่คนรวยมักคิดตรึกตรองกันอยู่ตลอดเวลาคือ หาเงิน เก็บเงิน ลงทุน หาเงิน เก็บเงิน ลงทุน วนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อย ๆ เกี่ยวกับการมองหาแนวทางและโอกาสใหม่ ๆ ที่จะหาเงิน ผมขอยกตัวอย่างของ Google บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้นำบริการค้นหาข้อมูลทั่วโลกที่เมื่อก่อตั้งบริษัทนั้นเริ่มจากวิสัยทัศน์ของการต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้คิดเรื่องการหารายได้จากบริการใดใดก็ตาม แต่ก็มีลักษณะของคนที่จะรวยปรากฎให้เห็น นั้นก็คือการไม่ยึดติดอยู่กับสิ่งเดิม ๆ เหมือนกับบิลล์ เกตตส์ เจ้าพ่อไม่โครซอฟท์ หรือมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก Facebook และสตีฟ จ๊อบส์ ผู้ที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ คนเหล่านี้มีคุณสมบัติของคนรวย มีมุมมองที่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อยากสร้างสรรค์ในสิ่งที่ใหญ่และมีผลกระทบต่อทุกคนได้บนโลกนี้หรือที่เรียกว่า Big Impact ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง เทียบได้กับครั้งแรกที่คนเรามีโทรศัพท์และหลอดไฟฟ้าใช้ จากนั้นโลกของการสื่อสารและการค้นหาข้อมูลก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
หลังจากที่ Google ประสบผลสำเร็จแล้วก็ไม่ได้หยุดอยู่นิ่งกับที่ เพราะอาศัยรากฐานของ Platform ด้าน Search Engine ที่มีมีคนเข้ามาใช้บริการมากมายในแต่ละวันทำให้ Google เปิดระบบโปรแกรมโฆษณาขึ้นมา สิ่งนี้จะเห็นได้ชัดว่า Google เริ่มที่จะหาเงิน คนจะรวยต้องแบบนี้ถ้าไม่คิดหาเงินก็ไม่มีวันได้เงิน เงินรายได้จากโฆษณานี้มีมูลค่ากำไรสูงมาก Google ไม่ได้เก็บเงินไว้เปล่า ๆ แต่ยังนำไปลงทุนต่อในด้านอื่น ๆ อีก เช่น บริการ Gmail, Blogspot, Google Earth, Google Map และซื้อ YouTube ด้วยการจ้างพนักงานจากวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาและขยายสาขาไปประจำอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย
สิ่งนี้คือการลงทุนที่ Google ทำเพื่อต่อยอดจากผลกำไรที่ได้ จึงสามารถสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ติดตามมาได้อีกเป็นขบวนและแต่ละธุรกิจก็ยังยืนอยู่บนพื้นฐานข้อมูลเดียวกันยิ่งส่งเสริมให้การบริการแต่ละอย่างสามารถเกื้อหนุนกันได้ดีอย่างมากอีกด้วย เช่น ค้นหาข้อมูลร้านค้าแล้วจะปรากฎข้อมูลแผนที่และวิดีโอที่เกี่ยวข้องปรากฎขึ้นมาด้วย คุณสามารถนำสูตร หาเงิน เก็บเงิน ลงทุน ไปใช้ได้ทันที ลองสังเกตธุรกิจต่าง ๆ ว่าเขาทำตามขั้นตอนนี้หรือไม่ ถ้าเขาทำได้ แล้วคุณจะทำได้บ้างหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องลองคิดดู
แนวคิดของคนจน
คำนิยามของคนจนคือมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าหน้าที่การงานไม่เหมาะสมหรืออยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคนรวย แต่มักจะมีการใช้จ่ายที่เกินรายได้ที่หามาได้ สมมติว่าถ้ามีรายได้เดือนละ 30,000 แต่ใช้เงินเดือนละ 40,000 แบบนี้แล้วจะไม่ให้จนลงได้อย่างไร นอกจากไม่มีแนวคิดของการหาเงิน เก็บเงินและลงทุนแบบที่คนรวยคิดแล้ว ตรงกันข้ามคนจนมักคิดถึงแต่โครงการนำเงินไปใช้ ซื้อรถยนต์ราคาแพงเพื่อความโก้หรู เสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมถึงการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใช้งบประมาณราคาแพง ในเมื่อมีแต่โครงการใช้เงินหลากหลายโครงการแล้วจะไม่ให้จนได้อย่างไร หลายคนนิยมใช้บัตรเครดิตในการจับจ่ายซื้อสินค้า ใช้ก่อนผ่อนทีหลังโดยไม่ได้ระมัดระวังการใช้จ่ายก็ทำให้เงินทองทรัพย์สินที่หามาได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าคนจนจะไม่รู้จักการลงทุน แต่มักจะมองและแสวงหาการลงทุนที่ผลตอบแทนสูง ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ
การใช้เงินลงทุนแบบขาดความรู้และข้อมูลเชิงเหตุผลตามหลักสามัญสำนึก มีความโลภเป็นทุนจึงทำให้สูญเสียเงินทุนได้ง่าย ยิ่งเป็นเหตุให้ยากจนลง ในบางครั้งเมื่อได้ผลกำไรที่คาดไม่ถึงก็หยุดพัฒนาตัวเองเพื่อให้มีความรู้ความสามารถนำเงินทุนที่ได้มาไปต่อยอดให้ออกดอกออกผล เหมือนกรณีที่ชาวบ้านถูกล๊อตเตอรี่ได้รางวัลใหญ่ คิดว่าเงินมาง่าย ๆ ก็ใช้จ่ายออกไปได้อย่างรวดเร็ว ใครมายืมก็ให้ยืมทั้งญาติ พี่น้อง สุดท้ายมักจะกลับมามีฐานะเท่า ๆ เดิมถ้าไม่ระมัดระวังการใช้จ่าย
การดำเนินชีวิตตามปกติย่อมมีทั้งรายรับและรายจ่ายที่สัมพันธ์กัน เมื่อเราเข้าใจเหตุผลและวิธีการคิดของคนรวยและคนจนแล้วก็สามารถนำมาเป็นหลักในการดำรงชีวิตได้ ด้วยการพยายามรักษาเงินทองที่หามาได้ให้มากที่สุดด้วยนิสัยของการประหยัดและอดออม ใช้จ่ายแต่ในสิ่งที่จำเป็นและลดทอนรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยออกไป หลายครั้งที่คนเราเลื่อนโครงการใช้จ่ายออกไปกลับได้ผลดี เช่น อยากซื้อเสื้อผ้าหรือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง บางตำราจะมีสูตรให้เลื่อนความอยากได้ไปอีกสักเดือนหนึ่ง เมื่อครบกำหนดลองมาคิดดูอีกทีก็อาจจะไม่ได้อยากได้ของชิ้นนั้นจริง ๆ ก็ได้ เท่ากับว่าถ้าซื้อตั้งแต่เห็นครั้งแรกก็อาจจะกลายเป็นสูญเงินฟรี สาว ๆ ต้องระวังการใช้เงินให้ดี หลาย ๆ คนหมดเงินไปกับเสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วใส่เพียง 1 ครั้งหรือไม่ได้หยิบมาใส่เลยก็เป็นได้
นอกจากการพยายามประหยัดอย่างเหมาะสมแล้ว ก็ควรหาความรู้ด้านการจัดการการเงินและความรู้ด้านการลงทุนด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม คงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน แต่สามารถเลือกศึกษาเพิ่มเติมตามความสนใจเพื่อให้มีกำลังใจและเรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งในรายละเอียด ความรู้และการศึกษาจะช่วยให้สามารถจัดการเงินฝาก เงินออมและการลงทุนได้ดีที่สุดเป็นการลงทุนด้านความรู้ที่คุ้มค่ามาก