หลายบทความที่เรานั้นยํ้าอยู่เสมอ ในเรื่องของการใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย แต่การจะใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัยก็ต้องมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นั้นคือเรื่องของการจัดทำรายรับรายจ่าย และควบคุมการใช้จ่ายของตนเองให้ครอบคลุมกับรายได้ที่มีในแต่ละเดือน ซึ่งในบางครั้งก็มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นให้ต้องใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน หรือแม้แต่ขาดสภาพคล่องด้านการเงิน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นมูลเหตุของการก่อหนี้บัตรเครดิตอย่างไม่ตั้งใจ หรือตั้งใจ จนเป็นหนี้เพราะไม่มีทางออก
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นหนี้ก็ต้องรีบจัดการสะสางให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะสามารถทำธุรกรรมในด้านอื่นๆต่อไปได้ เช่น การขอสินเชื่อกู้ซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนในยุคปัจจุบันนิยมทำกัน เพราะโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% แต่ทำอย่างไร หากเพิ่งปิดหนี้บัตรเครดิต แล้วจะขอกู้ซื้อรถยนต์ผ่านไหม?
ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็นเพื่อให้สมาชิกได้เข้าใจ คือ
- หนี้บัตรเครดิต เมื่อมีการชำระยอดหนี้ครบแล้ว ก็จะมีประวัติที่ติดอยู่ในเครดิตบูโร โดยจะมีระยะเวลาที่ประวัติติดอยู่ประมาณ 3 ปี แต่ในกรณีที่ปิดหนี้บัตร และได้ใบรับรองจากสถาบันการเงินว่าปิดหนี้หมดแล้ว อยากจะกู้ซื้อรถยนต์ สามารถทำได้
- แต่การกู้สินเชื่อรถยนต์ผู้กู้จะต้องดาวน์ด้วยเงินสดที่สูงกว่าปรกติ โดยเงินดาวน์จะต้องสูงถึง 30% ของราคารถยนต์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าดาวน์เยอะและสถาบันการเงินจะอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ เพราะท้ายที่สุดแล้วสถาบันการเงินจะเป็นผู้พิจารณาและให้การอนุมัติว่าผ่านหรือไม่ ดังนั้น ก่อนจะขอสินเชื่อกู้รถยนต์ ควรทำการสอบถามกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อของแต่ละสถาบันการเงินก่อน เพื่อทำความเข้าใจและทราบถึงโอกาสที่จะได้
การปิดหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้สินเชื่ออื่นๆแล้ว ก็ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่าจะสามารถขอสินเชื่ออื่นๆได้ เพราะอย่างที่กล่าวข้างต้นว่า เมื่อปิดหนี้สินแล้ว ประวัติก็ยังคงติดอยู่ในเครดิตบูโรอย่างน้อย 3 ปี ในช่วงสามปีเป็นช่วงที่ยากต่อการขอสินเชื่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากมีความจำเป็นที่จะต้องขอสินเชื่อในช่วงระยะเวลานั้นๆ ก็ควรปรึกษากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อของสถาบันการเงินก่อน เพื่อทราบเงื่อนไขและช่องทางที่จะเป็นโอกาสในการขอสินเชื่อให้ผ่านสำหรับผู้ที่ยังมีประวัติค้างในเครดิตบูโร อย่าท้อและเดินต่อไป