มีข่าวออกมาว่า นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง เศรษฐกิจ ของไทยตอนนี้เริ่มเข้าสู่สภาวะวิกฤตแล้ว แม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่าตอนปี 2540 หรือ ยุคต้มยำกุ้ง แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ละเอียดว่าผลกระทบจะยาวนานแค่ไหน และจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
โดยนายวีระพงษ์ได้กล่าวว่า “อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำมาก มีลักษณะเป็นรูปตัวยู (U) ที่อาจจะมีก้นยาวมากและยาวแค่ไหนไม่มีใครรู้ วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้อาจจะเป็นน้องๆ ต้มยำกุ้ง แต่ไม่รุนแรงเท่ากับวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 เพราะตอนนี้ประเทศไทยมีทุนสำรองที่แข็งแกร่ง” ซึ่งปัญหาเรื่องเศรษฐกิจนี้เราคงต้องยอมรับว่ามันเป็นเหมือนแผลเรื้อรังสำหรับประเทศไทยมานานไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนเราก็รักษามันไม่หาย แม้ที่ผ่านมาดูเหมือนจะดีขึ้น แต่มันก็แค่ชั่วคราว ปัญหามันก็ยังมีอยู่และรอเวลาปะทุออกมาเท่านั้น
ซึ่งตอนนี้ภาพรวมของ เศรษฐกิจ คือ การส่งออกที่ลดลง สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และภาคธุรกิจประสบปัญหาขาดทุน โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและย่อม (SME) ที่ทยอยล้มกันไปหลายแล้ว สภาวะแบบนี้หลายคนอาจคิดว่ายังไม่รุนแรง มันยังไม่เหมือนระเบิดต้มยำกุ้งปี 40 ที่ตูมเดียวล้มกันนับร้อยบริษัท คนตกงานนับพันๆคน หุ้นร่วงทั้งกระดาน แต่การที่เป็นแบบนี้เหมือนกับอาการทรงๆและมันจะทรุดในที่สุด สิ่งที่เราต้องเตรียมรับมือกันในตอนนี้คือ ลดภาระหนี้สินให้ได้มากที่สุดก่อนสิ้นปีนี้ มีเงินสดสำรองไว้เพียงพอต่อการดำรงชีพ เกาะติดตำแหน่งงานของตัวเองให้ดีที่สุดพยายามอย่าให้ตกงานจากความผิดพลาดของตัวเอง มองหาอาชีพเสริมที่สามารถทำได้โดยเน้นให้ลงทุนน้อย แต่สามารถสร้างกำไรหรือรายได้ในระยะยาว ไม่แนะนำให้หวังกำไรเยอะๆ เอาแค่ทำแล้วอยู่รอดได้นาน ทำแล้วคืนทุนไว มีกำไรพอสมควร
ซึ่งหลายๆคนอาจคิดว่ามันก็แค่ข่าวเล็กๆข่าวหนึ่ง ทางภาครัฐก็ประกาศโครมๆ ว่ามีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ธนาคารก็ยังขายบัตรเครดิต ลดแลกแจกแถมโปรโมชั่นมากมาย ร้านค้าก็นิยมรับแต่บัตรเครดิต เสาร์อาทิตย์คนล้นห้างสรรพสินค้า ไม่เห็นมีใครตื่นตัวเรื่องนี้กันเลย นั่นเป็นเพราะคนไม่สนใจข่าวการเงิน ข่าวเศรษฐกิจ เพราะเป็นคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว คิดว่าเป็นเรื่องของนักธุรกิจ มนุษย์เงินเดือนไม่เกี่ยว มนุษย์ค้าขายไม่มีผลอะไร แต่นั่นคือการไม่ยอมรับความจริงว่าตอนนี้ประเทศเราเริ่มมีปัญหาเหมือนที่ทั่วโลกเขากำลังประสบอยู่ สหรัฐตอนนี้ก็มีหนี้สินกับต่างประเทศมากพอสมควร เศรษฐกิจในบ้านเขาเองก็ทรงๆทรุดๆ เป็นระยะๆ จีนอย่างที่เราทราบกันปรับลดค่าเงินเพื่อกระตุ้นการส่งออก กระตุ้นเศรษฐกิจ กรีซล้มละลายไปแล้วเจ้าหนี้รุมเขาควบคุมกิจการหลายๆอย่างตาที่ข่าวออกมาเป็นระยะๆ ญี่ปุ่น อังกฤษ ค่าครองชีพสูงปรี๊ด นักท่องเที่ยวก็ยังนิยมเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ก็มีเศรษฐกิจของเขาก็ยังทรงตัวแต่ก็ไม่ได้ดีกว่าประเทศที่กล่าวมามากนัก ทุกประเทศมีปัญหากันหมดมากน้อยแตกต่างกันไป แล้วประเทศไทยจะรอดพ้นอยู่ประเทศเดียวมันเป็นไปไม่ได้ เอาแค่ในอาเซียนหลายๆประเทศก็ย่ำแย่แตกต่างกันไป แม้ว่าตอนนี้ เวียดนาม กัมพูชา พม่า ลาว จะเนื้อหอมเพราะนักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าไปลงทุน มีโปรเจคใหญ่ๆ มากมายในประเทศเหล่านี้ แต่ค่าเงินก็อย่างที่เราทราบกัน สภาพสังคม การเมือง ก็ยังไม่มีความแน่นอนแรงงานยังทะลักเข้าบ้านเราอยู่เนืองๆ ทุกอย่างกระทบกันเป็นลูกโซ่ไปหมด
หนทางที่จะทำให้เรารอดพ้นวิกฤติ เศรษฐกิจ ที่ยังไม่มีทางออกแบบนี้คือ เริ่มจากตัวเองและครอบครัว หันมาประหยัดการใช้จ่าย วางแผนในแต่ละเดือนว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ สำรองเท่าไหร่ อะไรที่ต้องซื้อ อะไรที่สิ้นเปลือง เราสามารถปรับตัวกับสภาพ เศรษฐกิจ แบบนี้ได้ ตอนไหนต้องประหยัด ตอนไหนใช้เงินฟุ่มเฟือยได้ เราต้องควบคุมให้การเงินของครอบครัว หรือ ของตัวเองอยู่ในสภาวะปลอดภัย เพราะหากเมื่อไหร่ที่มันแย่กว่านี้แล้วเราไม่เตรียมตัวรับรองได้ว่าเราจะแย่แน่ๆ เตรียมตัวกันให้พร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อการเงินที่มั่นคงของตัวเราและครอบครัวในอนาคต