สืบเนื่องจากการที่เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว จีนลดค่าเงิน กรีซล้มละลาย สถานการณ์ต่างๆดูนิ่งๆ การค้าการขายก็เงียบๆงึมๆ ซึ่งหลายๆประเทศกำลังหาหนทางเพื่อกระตุ้นสภาวะการเงินในประเทศตัวเองประเทศไทยก็เช่นกัน นโยบายการเงิน มีออกมามามายเพื่อหวังจะกระตุ้นธุรกิจการค้าต่างๆให้เดินหน้าต่อไปได้ หลังจากที่หยุดชะงักตั้งแต่เกิดสถานการณ์ทางการเมืองต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้
แต่บาง นโยบายการเงิน เหมือนจะโฟกัสผิดจุด เช่นกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ การซื้อบ้าน ซื้อลด และ บัตรเครดิต ซึ่งนโยบายเหล่านี้มาจากทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการให้เงินไหลเข้าสู่ระบบ แต่ มองในอีกมุมหนึ่งคือ คนที่มีกำลังซื้อจริงๆ เขามีพร้อมทุกอย่างแล้ว ตั้งแต่หลายสิบปีก่อนที่มีนโยบายพวกนี้ออกมา ทำให้ตอนนี้คนที่มีความต้องการจะซื้อจริงๆคือคนที่มีรายได้ปานกลางค่อนไปทางต่ำ เพราะมีการลดแลกแจกแถมโปรโมชั่นต่างๆ มากมาย เพื่อให้เงินไหลตามระบบได้คล่องขึ้น เพราะจากช่วงที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่ไม่กล้าใช้เงินต่างเก็บฝากธนาคาร หรือ เก็บเงินสดไว้เฉยๆ รอดูสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งความจริงมันน่าจะดี แต่เอาจริงมันดีแบบมีภาวะซ้อนเร้น เหมือนคนไม่ป่วยแต่จริงๆมีโรคแอบแฝงเพราะ เราไม่รู้ว่าสถานการณ์แท้จริงเป็นอย่างไร
แม้ว่าจะบอกว่าเศรษฐกิจบ้านเราดี แต่รอบข้างเขายังไม่ดี แบบนี้ผลกระทบจะมีกับเราไหมแน่นอนว่ามี คนทำการค้ากับต่างชาติรู้ดีว่าตอนนี้ค้าขายได้กำไรน้อยลง มีแค่ไม่กี่ธุรกิจที่ยังไปได้ ความต้องการของคนส่วนใหญ่คือ ต้องการรายได้มากขึ้น และ ให้รายจ่ายลดลง แต่มันเป็นไปไม่ได้ สินค้าอุปโภคบริโภคราคาไม่คงที่ แม้ว่าห้างสรรพสินจะจัดโปรโมชั่นล่อให้ซื้อ แต่พอเอาเข้าจริงๆหมดบ้าง ไม่มีบ้างสินค้าขาดตลาด หรือ จำกัดจำนวน สิ่งเหล่านี้เหมือนมายาที่รอวันเปิดเผยความจริงว่าจะออกมาดีหรือร้าย คนที่ทำงานกินเงินเดือนก็หวังเงินเดือน หวังโบนัส ที่ไม่รู้ว่าปีนี้จะได้ไหม ได้เท่าไหร่ เพราะทุกธุรกิจยอดซื้อขายลดลง ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มอสังหาฯที่ครั้งหนึ่งแจกโบนัสเกือบจะเท่าเงินเดือนทั้งปี
ภาพรวมของเศรษฐกิจก่อนปิดไตรมาสสุดท้ายลุ่มๆดอนๆ ขึ้นๆ ลงๆ กระตุ้นยังไงก็ไม่อยากจะขยับ เพราะตอนนี้เข้าช่วงปลายปีคนมีเงินก็ต้องเก็บเงินไว้เที่ยวปีใหม่ หรือ กลับบ้านที่ต่างจังหวัดแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายหลายๆคนแทบหมดกระเป๋ามีโบนัสบ้างทียังไม่พอ เพราะต้องเคลียร์หนี้สินบ้าง โปะภาระต่างๆบ้าง และต้องเก็บไว้ใช้หลังเที่ยวปีใหม่ นี่คือสภาพความจริงของคนมีรายได้ปานกลางและรายได้น้อย
ทำให้หลายคนมองว่าหากเศรษฐกิจจะล่มเหมือนปี 40 อีกครั้งนั้นความเป็นไปได้ที่คนจนจะล้ม มากกว่าที่คนรวยจะล้มเหมือนคราวที่แล้ว ซึ่งแนวคิดนี้มีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียวเพราะหากคิดตามและมองจากความเป็นจริงตอนนี้เหมือนพีรามิดที่กลับหัว ฐานล่างไม่แน่นแต่ข้างบนใหญ่โต ก็เหมือนกับในบ้านเราที่รากหญ้าแย่ทำการเกษตรก็เจอปัญหาน้ำแล้ง ผลผลิตออกมาน้อย พ่อค้าคนกลางกดราคา พอขยับขึ้นมาอีกหน่อยก็เป็นคนชั้นกลางๆหรือมนุษย์เงินเดือนที่ต้องซื้อของแพงเพราะพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ ความแข็งแรงของฐานเงินก็ไม่ค่อยมี ส่วนคนรวยหรือปลายสุด ก็สบายลอยลิ่วปลิวลมเพราะมีฐานการเงินที่ดีไม่เดือดร้อน
เห็นไหมว่าฐานรากของเศรษฐกิจมีช่องว่าง มีการเหลื่อมล้ำ และยิ่งออกนโยบายกระตุ้นแบบนี้คนที่ต้องการจะมีแม้ยังไม่พร้อมก็ดิ้นรนเอาให้มีให้ได้เพื่อต้องการตามกระแสและคิดว่าซื้อตอนนี้ลดสุดๆ แต่ไม่มองถึงภาระในภายภาคหน้า หนี้สินต่างพะรุงพะรังกันข้ามปี แบบนี้ทำอย่างไรก็คงไม่ฟื้น นโยบายช่วยผู้ประกอบการ แต่ไม่ช่วยคนจนเลยสักนิดกลับทำให้จนหนักกันเข้าไปอีกเพราะ นโยบายการเงิน ตามกระแสนี่เอง