วันนี้อยากเล่าเรื่องราวที่ครั้งหนึ่งเคยก้าวเข้าไปใน ธุรกิจ MLM เพราะเพื่อนชวนและในตอนนั้น ธุรกิจ MLM กำลังบูมมากมีหลายแบรนด์ ที่เกิดใหม่และเก่าแก่ ซึ่งบอกเลยว่าตัวเองนั้นไม่ค่อยชอบธุรกิจแนวนี้เท่าไหร่ เพราะคิดว่ามันต้องค้าขาย มันต้องขายของ ซึ่งไม่ถนัดเลย แต่เพื่อนมาชวนบอกว่าไม่ต้องขาย แต่มันเป็นธุรกิจ ลองไปฟังดูก่อน ด้วยความอยากรู้ว่าไปแล้วจะเป็นอย่างไร
อ่านเพิ่มเติม >>> Passive Income กับความเข้าใจผิดๆ <<<
ก้าวแรกที่ได้เข้าไปสัมผัสคือ แบรนด์ที่เพื่อนพาไปนั้นใหญ่โตมากมีมานาน มีศูนย์การอบรมใหญ่สถานที่กว้างขวางพอสมควร เมื่อไปถึงเพื่อนก็ให้สมัครสมาชิก ซึ่งตอนนั้นมีโปรโมชั่นด้วย สมัครฟรี เพื่อนบอกไว้ซื้อของใช้เองในราคาสมาชิกเพราะมันถูกกว่าซื้อจากตัวแทน และสินค้าเขามีคุณภาพอันนี้ยอมรับว่าหลายๆอย่างของเขาใช้ดีจริงๆ แต่ราคาแพงกว่าท้องตลาดพอสมควร ด้วยความเกรงใจเพื่อนก็สมัครไปและเห็นว่ามันฟรีก็ไม่คิดอะไรมาก หลังจากนั้นเพื่อนบอกว่าเขามีสาธิตสินค้า มีอบรมการทำธุรกิจ ไม่เสียเงินและมันน่าสนใจเลยอยากให้ฟัง ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นก็ใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนเย็น แต่มีอาหารมีขนมเครื่องดื่มเลี้ยง ซึ่งเพื่อนพาฟังการสาธิตสินค้าต่างๆก่อน
แน่นอนว่าสินค้ายอดฮิตของแบรนด์นี้ ต้องถูกนำมาสาธิต เช่น ยาสีฟัน ผงซักฟอก สบู่ และอื่นๆ ซึ่งมีคนออกมาพูดออกมาอธิบายตั้งแต่ส่วนประกอบยันวิธีการใช้ ระหว่างนั้นก็มีเสียงปรบมือ เสียงกรี๊ดกร๊าดตามวิทยากรเป็นระยะๆ เพราะเท่าที่ดูส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกันแล้วทั้งนั้น มีไม่กี่คนที่มาใหม่เหมือเราก็นั่ง งงๆ ว่าปรบมือทำไม กรี๊ดทำไม ก็ฟังไปเรื่อยๆ ดูๆเขาไปตามเอกสารประกอบ พอจบเรื่องสินค้าก็พักทานข้าว เพื่อนก็ถามว่าเป็นยังไง น่าสนใจไหม จริงๆมันก็น่าสนใจ ก็ตอบไปตามจริง แล้วเพื่อนก็ชวนให้ซื้อสินค้าที่เราดูไป บอกว่าเราเป็นสมาชิกแล้วซื้อตอนนี้ก็ได้ลด ไหนๆมาแล้วก็ซื้อเลยที่ศูนย์มีของแล้วไม่ต้องรอและเราสมัครใหม่ได้ส่วนลดเพิ่ม ก็คิดในใจนั่นไงให้เราเป็นลูกทีมต่อแล้วแหงๆ ให้ซื้อของเพิ่มยอดแน่ๆ แต่ก็เกรงใจเพื่อนอีกซื้อไปหนึ่งชิ้นเบาๆ แต่ของเขาใช้ดีจริงๆ ก็เลยยอมๆไป
หลังจากนั้นช่วงบ่ายก็เข้าฟังแผนธุรกิจ บอกเลยว่าถ้าคุณใจไม่แข็งพอรับรองสมองโดนล้างง่ายๆ เพราะว่าวิธีการพูดของคนที่เป็นวิทยากรนั้น เก่งๆมากๆพูดให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ ว่าจะรวยได้อย่างไร ต้องทำอย่างไร ไม่ต้องขายสินค้า ไม่ต้องซื้อของใช้ตามยอดเหมือนที่อื่นๆ เขาอธิบายที่ละขั้นมีแผนภูมิต่างๆให้เราดูเป็นขั้นเป็นตอน มีคนที่เป็นลูกข่ายเขามาช่วยพูดเล่าประสบการณ์ เป็นแม่ค้าบ้าง พนักงานออฟฟิศบ้าง
แต่ทุกคนมีหลักการในการพูดเหมือนกัน คงเทรนด์กันมาดี สอนกลยุทธ์ในการหาทีม การทำทีม แนะนำแนะแนวต่างๆ พร้อมทั้งมีการนัดแนะการสาธิตสินค้าที่จะจัดไปโชว์กันให้ถึงบ้าน เพื่อหาลูกทีม และ การเข้าฟังเทคนิคต่างๆจากหัวหน้าทีมที่จัดกันทุกอาทิตย์ซึ่งเราเป็นลูกทีมไม่เสียค่าใช้จ่ายแค่หาคนมาฟังอย่างน้อยหนึ่งคน พาให้เข้ามารู้จักการทำธุรกิจนี้ ว่าทำอย่างไร อยู่บ้านสบายๆก็มีรายได้ มีธุรกิจ เป็นแม่ค้าก็มีธุรกิจได้ เป็นคนกวาดขยะก็มีธุรกิจได้ บรรยากาศนี่บอกเลยเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต เดี๋ยวปรบมือ เดี๋ยวกรี๊ดกร๊าด
แล้วช่วงท้ายๆ ก็จะมีการคุยแบบแลกเปลี่ยนกับแต่ละคน ใครมีปัญหาอะไร สงสัยตรงไหน หัวหน้าทีมและผู้ช่วยจะมาตอบคำถาม ไขข้อสงสัยให้ แนะนำแนวทางต่างๆ คนใหม่ๆอย่างเราก็จะได้รับการอธิบายแผนการทำงานพร้อมเอกสารต่างๆ เพื่อเพิ่มความเข้าใจหลังจากฟังวิทยากร เขาจะเน้นเลยว่าทำแล้วรวยนะ ได้ไปต่างประเทศ ได้มีการเลื่อนขั้น มีรายได้ที่การันตีต่อเดือน แต่เราต้องหาลูกทีมให้ได้เท่านี้นะ ลูกทีมต้องมีการซื้อของใช้แต่ละเดือนเท่านี้นะ เปอร์เซ็นต์จะแบ่งเราเท่าไหร่ หากลูกทีมหาสมาชิกได้เท่านี้ และแต่ละสมาชิกซื้อของใช้คนละเท่านี้เราได้เท่านี้ แต่หากเพิ่มจำนวนขึ้นไปอีก ก็จะได้เท่าไหร่ ตัวเราเองก็ต้องซื้อใช้นะต่อเดือนต้องมีเท่านี้ แต่หากเมื่อไหร่ที่เรามีลูกทีมเยอะ เราไม่ต้องซื้อของใช้เองเพื่อให้ได้ยอดแล้ว เรารอคนอื่นซื้อแล้วยอดมาวิ่งเข้าเรา
สารพัดจะแนะแนว ออกแนวล้างสมอง แนะนำคนหลายคนให้รู้จัก แต่ละคนมีหน้าที่การงานดีๆ บ้าง คนธรรมดาบ้าง แต่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ ทำธุรกิจนี้แล้วรวยไปด้วยกัน เราเป็นเจ้าของนะ ไม่ใช่พนักงานขาย ทีมเราจะช่วยเหลือกัน แหมฟังดูดีใช่ไหม แต่บอกเลยว่ามันทำยาก มันต้องทุ่มเทเวลา ต้องพูดๆๆๆๆให้คนเชื่อเรา และที่สำคัญคนที่เราชวนต้องมีเงินเพราะต้องคอยรักษายอดซื้อของในแต่ละเดือนให้เข้ามาที่เราด้วย บอกเลยว่าหลังจากฟังเสร็จกว่าจะสลัดคำว่ารวยๆๆๆออกจากสมองได้นี่เล่นเอามึน เพราะยังงงกับตัวเองว่ามาฟังทำไม ไอ้ที่เขาพูดเข้าหูมามันทะลุไปหมด ได้ยินแต่รวยเราะจะรวย เราต้องทำ เราต้องรวย แล้วหลังจากนั้นเพื่อนก็นัดให้ไปฟังอีก เราก็ไม่ไปบรรดาหัวหน้าทั้งหลายก็โทรมาชวน แนะนำ บอกมีปัญหาอะไรช่วยได้นะ ติดขัดอะไรเดี๋ยวช่วยหาคนให้ เราก็บอกคำเดียวว่าไม่ไป ไม่ไป หลังจากนั้นก็เลิกราการโทรติดตาม บอกเลยว่าสำหรับเรา ธุรกิจ MLM มันน่ากลัวมากๆ เพราะฟังแล้วมันเพ้อเจ้อมันเป็นไปได้ยาก แต่คนทำสำเร็จจริงๆ ก็มีซึ่งเรานับถือแต่เราคงไม่ทำ