เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายๆคนคงสงสัยว่า ประกันอุบัติเหตุสำหรับนักเรียน ที่จ่ายพร้อมค่าเทอมในแต่ละปีนั้นมีประโยชน์หรือไม่ และ มันใช้ได้จริงๆไหม เพราะค่าเบี้ยประกันที่จ่ายๆกันนั้นก็ราคาแสนถูกเพียง 250 บาทต่อปี ซึ่งจะคุ้มครองกันต่อปีการศึกษา ซึ่งหลายคนจ่ายไปไม่เคยใช้เลย หรือ บางคนเคยใช้แล้วมีปัญหา เรามาทำความรู้จักกับ ประกันอุบัติเหตุสำหรับนักเรียน กัน
อ่านเพิ่มเติม >>> ซื้อประกันชีวิต แต่ละช่องทาง ต้องระวังอะไรบ้าง <<<
ประกันอุบัติเหตุสำหรับนักเรียน นั้นการคุ้มครองคร่าวๆของแต่ละบริษัทจะคล้ายกันดังนี้คือ เป็นการ ประกันภัยอุบัติเหตุ สำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุทุกแห่งทั่วโลก และคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง กำหนดกรมธรรม์มีระยะเวลา 1 ปีเต็ม ขณะประกอบกิจกรรมต่างๆ ทั้งในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา อาทิเช่นการพักผ่อนอยู่กับบ้าน การเดินทางไปทัศนศึกษา เดินทางไป-กลับระหว่าง บ้านและสถานศึกษา และภัยจากอุบัติเหตุอื่นๆ ซึ่งมองในภาพรวมก็ถือว่าคุ้มเพราะค่าเบี้ยถูก และ สามารถเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกเข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในขณะที่เกิดเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะเป็น โรงพยาบาลเอกชน แน่นอนว่าผู้ปกครองหลายๆคนคงคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้น ก็จะได้รับการรักษาที่ทันท่วงที
แต่ สิ่งที่หลายๆคนไม่รู้คือ เราต้องออกเงินเองก่อน แล้วจึงทำเรื่องเบิกกับทางประกันที่ทางโรงเรียนเลือกทำให้กับนักเรียน ไว้ ซึ่งวงเงินกรรมธรรม์นั้นก็ขึ้นอยู่กับทางโรงเรียนเลือกกรมธรรม์ให้กับนักเรียนซึ่งส่วนมากจะไม่เกิน 100,000 บาท
แน่นอนว่าเมื่อหลายคนไม่รู้ในข้อนี้ทำให้การใช้ ประกันอุบัติเหตุสำหรับนักเรียน จึงมีปัญหาซึ่งมีหลายกรณีเช่น ผู้ปกครองเงินไม่พอจ่ายค่ารักษา เนื่องจากขณะที่เด็กเกิดอุบัติเหตุนั้นมีผู้นำเด็กไปส่งยังโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีค่ารักษาแพง และ ตัวเด็กเองก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่ารักษาก่อน เพราะส่วนใหญ่ยื่นบัตรประกันเข้าไปทุกโรงพยาบาลก็รับไว้หมด แล้วแจ้งทีหลัง ซึ่งลูกของเพื่อนผู้เขียนโดนมาแล้ว ซึ่งเหตุเกิดที่โรงเรียนเด็กหกล้มแขนหัก คุณครูเองก็ไม่ทราบว่าต้องจ่ายเงินก่อน ก็พาไปส่ง โรงพยาบาลที่ใกล้โรงเรียนซึ่งเป็นเอกชนที่ใกล้ที่สุด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้แจ้งรายละเอียดอะไรเพราะเข้าฉุกเฉินก็รีบทำการรักษาก่อน ซึ่งอาการนั้นต้องเข้าเฝือกอ่อนเพราะแขนหัก ซึ่งทางโรงพยาบาลคิดค่ารักษาทั้งหมดประมาณ 7,000 บาท และแจ้งว่าต้องจ่ายก่อนเพราะทางประกันให้ทำเรื่องเบิกได้ภายหลัง ซึ่งทางคุณครูก็ใจดีจ่ายให้ก่อนแล้วให้ผู้ปกครองมารับกลับพร้อมนำเงินมาจ่ายคืนคุณครู ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาใช่ไหม
แต่การจะทำเรื่องเบิกจากประกันนั้นขอบอกเลยว่านานมาก นานจริงๆ ไม่ใช่แค่สัปดาห์แต่มันใช้เวลาเป็นเทอม ซึ่งทางคุณครูประสานงานให้ทุกอย่าง ใบเสร็จ ใบรับรองแพทย์ มีครบแต่ทางบริษัทประกันของโรงเรียนแจ้งว่าต้องตรวจสอบก่อนว่าหกล้มจริงไหม หกล้มเพราะอะไร อีกทั้งต้องใช้เวลาตรวจสอบโน่นนี่นั่น ซึ่งกว่าจะได้เงินคืนรอกันเป็นเทอม เพราะลูกของเพื่อนผู้เขียนนั้นเกิดเหตุตอนเทอมแรกของ ม.3 แต่กว่าจะได้เงินคืนคือ เรียนจบม.3 ไปต่อที่อื่นแล้ว ซึ่งทางเพื่อนผู้เขียนก็พยายามตามเรื่องกับทางโรงเรียนตลอดเวลา เพราะเงิน 7,000 ไม่ใช่น้อยๆ เอามาจ่ายค่าเทอมที่ใหม่ได้สบายๆ และมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องรอนาน ซึ่งตามทั้งบริษัทประกัน ทั้งโรงเรียน ได้รับคำตอบเดียวกันคือ รอเรื่องอนุมัติ เพื่อนผู้เขียนบอกเลยว่าเงินแค่ 7,000 บาทตามกันเป็นปี นี่ถ้าหนักกว่านี้หรือเสียชีวิต เงินประกันตามที่แจ้งไว้ตอนมาโปรโมทกับทางโรงเรียนคงไม่ได้แหงๆ ไอ้ครั้นจะไม่ตามก็ไม่ใช้เรื่อง จ่ายฟรีๆกันตั้งแต่ลูกเรียนถึงเวลาใช้สิทธิ์และต้องจ่ายให้กลับลีลาไม่อยากจ่าย ซึ่งหลายๆคนเจอแบบนี้บางคนไม่ตามเงินคืนก็มี บางคนจ่ายๆไปแต่ไม่เคยใช้
ซึ่งเคสแบบนี้หวังว่าหากมีบริษัทประกันมาอ่านบทความนี้ก็อยากให้พัฒนาเรื่องการเคลมประกันบ้าง หรือ คนที่มีลูกวัยเรียนมาอ่านจะได้ทราบกันล่วงหน้าว่าต้องจ่ายก่อนแล้วเคลมทีหลังสำหรับการใช้ประกันอุบัติเหตุสำหรับนักเรียน ซึ่งหากมีสิทธิการรักษาอื่นๆบอกเลยว่าแนะนำให้ใช้สิทธินั้นๆก่อน แม้กระทั่งสิทธิ 30 บาทไม่ว่าจะเกิดเหตุที่ไหน สามารถเข้าได้ทุกโรงพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุหนักและต้องการช่วยชีวิตโดยด่วนซึ่งทุกโรงพยาบาลไม่มีสิทธิปฏิเสธการพยาบาลเบื้องต้นเพื่อให้คนเจ็บมีชีวิตรอดก่อนจะส่งต่อไปโรงพยาบาลตามสิทธิ
และสิ่งที่สำคัญคือ บัตรประกันควรให้พกติดตัวพร้อมบัตรประชาชน หรือ บัตรนักเรียน เพราะบัตรเหล่านี้จะมีเลขประจำตัวประชาชนซึ่งตรวจสอบข้อมูลต่างๆได้ และจะได้เลือกใช้สิทธิการรักษาได้ทันท่วงทีด้วย เรื่องเล็กๆ ที่อาจใหญ่สำหรับนาทีชีวิตรู้ไว้จะได้ไม่ประมาทและรู้ถึงการใช้สิทธิการรักษาเพื่อนาทีชีวิตของบุตรหลานเรา