กำลังเป็นกระแสร้อนฮอตฮิตไม่แพ้อากาศบ้านเรา สำหรับเทรนด์การขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านรถติดล้อที่หลาย ๆ คนคุ้นหูกับความแรงของธุรกิจ Food Truck กันเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าตอนนี้เป็นนาทีทองของคนที่พอจะมีฝีมือทำอาหารอยู่บ้างและอยากจะลองทำธุรกิจส่วนตัวสักที เพราะต้นทุนในการออกรถติดล้อพร้อมตกแต่งสำหรับทำอาหารก็เหมือนได้ร้านอาหารเคลื่อนที่มาครอบครองในราคาประมาณ 450,000 – 500,000 บาทต่อคัน จัดว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ควบคุมได้
เรื่องราวของธุรกิจ Food Truck หรือ ร้านอาหารเคลื่อนที่ไปตามจุดชุมชนต่าง ๆ มีจุดกำเนิดมาจากฟากฝั่งอเมริกา ซึ่งมีให้บริการกันมาตั้งแต่ยุคหลังสงครามกลางเมืองในอเมริกาแล้วค่ะ ในช่วงนั้นการขยายตัวทางการตลาดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะชาวตะวันตกเข้ามากันก็เยอะ ต้นตำรับตำรา Food Truck มาจากแนวคิดของชาร์ลส์ กู๊ดไนท์ (Charles Goodnight) ในช่วงปี 1866 เขาทำงานต้อนฝูงสัตว์ และรู้สึกว่ามันช่างวุ่นวายและลำบากเหลือเกินกับการที่ต้องเตรียมอาหารแต่ละมื้อคู่ไปกับการต้อนวัวไปด้วย บวกกับภาพรถทหารของสหรัฐอเมริกาที่ดูแข็งแรงแต่กว้างขวาง น่าจะเหมาะกับการดัดแปลงและตกแต่งได้ไม่ยาก เขาจึงลองตกแต่งภายในให้เป็นห้องครัวขนาดย่อม ๆ มีทั้งชั้นวาง, ลิ้นชัก, ส่วนหุงต้มและส่วนล้างเตรียมอาหาร
อาหารประเภทแรก ๆ ที่นำออกมาขายก็คืออาหารทั่วไปที่ไม่ต้องอาศัยการปรุงอะไรมากมายนัก อย่างเช่น ถั่ว, ข้าวโพด และ กาแฟ ต่อมาในช่วงปี 1980 ก็เริ่มมีรถบรรทุกอาหารออกขายให้บริการกับคนงานที่ทำงานกะดึกในย่านการค้าดังอย่างนิวยอร์ก ในชื่อร้านว่า The Owl (เดอะ อาวล์) ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ทำให้ ธุรกิจ food truck เป็นที่นิยมและยังเป็นต้นแบบธุรกิจ Food Truck ต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
ในวันนี้ ธุรกิจ Food Truck ติดล้อมาพร้อมกับความล้ำหน้าของเทคโนโลยียุคดิจิตอล ทำให้ลูกค้าแฟนประจำสามารถสืบเสาะ หรือ ค้นหาว่าร้านเคลื่อนไปขายอยู่ที่ไหนได้ง่าย ๆ เพียงแค่คลิ๊กเข้าไปดูที่หน้าเพจสื่อของร้านดัง ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Facebook, IG หรือ Twitter สิ่งที่ทางร้านอัพเดทแจ้งข่าวให้กับลูกค้านั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของวันเวลาและสถานที่ขายในแต่ละวันแล้ว ทางร้านก็ยังสามารถโปรโมทเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมรูปและแคปชั่นเก๋ ๆ ได้อีกด้วย ประหยัดต้นทุนการโฆษณาไปได้เยอะเลยถ้าเทียบกับแบรนด์ร้านอาหารดัง ๆ
นอกจากนี้ ธุรกิจ Food Truck ยังได้รับความสนใจจากกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ที่ต้องการความเร่งด่วนในชีวิตประจำวัน และไม่ได้พิถีพิถันกับการนั่งรับประทานบรรยากาศร้านอาหารเหมือนแต่ก่อน ความแรงของ Food Truck จากแดนมะกันจึงโดนใจแนวร่วมฮิปสเตอร์ในไทยไปได้ไม่ยากนักค่ะ อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตของธุรกิจ Food Truck ในอเมริกาเคยสะท้อนภาพบางอย่างออกมา ซึ่งหากผู้ประอบการในไทยคนใดกำลังคิดคำณวนอยู่ก็อาจจะลองนำจิกซอว์ของชาวมะกันมาต่อลงในแผนธุรกิจของคุณไปด้วยก็ได้ค่ะ จากกระแสความนิยมของผู้บริโภคและความคล่องตัวในการทำธุรกิจ Food Truck ในบอสตันทำให้จำนวน Food Truck เพิ่มสูงขึ้นเป็น 38 คันจากเดิมที่มีอยู่ 17 คันในปี 2010 หรือในย่านเซนต์หลุยส์ก็มีมากถึง 39 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีแค่ 14 คัน ส่งผลให้ธุรกิจ Food Truck ในสหรัฐอเมริกาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด ยิ่งเมื่อบรรดาร้านอาหารและภัตตาคารร้านดังต่างพาเหรดกันออกมาเรียกร้องขอพื้นที่หน้าร้านของตนเองคืน เพราะเจ้ารถ Food Truck เคลื่อนที่มาจอดขายหน้าร้านขโมยซีนแย่งลูกค้ากันต่อหน้าต่อตาในชั่วโมงเร่งด่วน และที่สำคัญ Food Truck มีต้นทุนค่าสถานที่เป็นค่าจอดรถที่จ่ายชั่วโมงละ 12 เหรียญสหรัฐต่อตารางฟุตในขณะที่ร้านอาหารชั้นนำต้องจ่ายค่าสถานที่มากกว่า 60 – 70 เหรียญสหรัฐต่อตารางฟุต ทำให้ส่วนราชการของกรุงวอชิงตันต้องออกมาตรการมาควบคุมและกำกับพื้นที่รวมถึงการกำจัดขยะที่เกิดจากร้าน Food Truck อีกด้วยค่ะ
อ่านเพิ่ม >>> สร้างประสบการณ์ หมัดเด็ด กลยุทธ์การตลาด สมัยใหม่ <<<
หากมองย้อนมาที่สภาพความเป็นอยู่แบบไทย จริง ๆ แล้วอาจจะกล่าวได้ว่า รูปแบบการเสนอขายและการให้บริการของ Food Truck นั้นก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากร้านอาหารรถเข็น, ร้านอาหารตามสั่งริมถนน หรือ ถ้าเป็นรุ่นคลาสสิคสักหน่อยก็คือ ก๋วยเตี๋ยวเรือของตลาดน้ำโบราณบ้านเราแต่ก่อนดี ๆ นั่นเอง เพียงแค่เปลี่ยนโฉมให้ร้านดูทันสมัย, เสนออาหารรูปแบบอาหารให้มีเอกลักษณ์หรือใส่ดีไซน์ลงไป, สะดวกในการเคลื่อนที่และเคลื่อนย้ายร้านได้ไวกว่า, ขายได้ไม่จำกัดเวลา บวกกับการเกาะกระแสการตลาดผ่านโลกออนไลน์ก็ทำให้ร้านอาหาร Food Truck สามารถเข้ามากินส่วนแบ่งการตลาดร้านอาหารไปได้อย่างสวย ๆ
จุดเด่นกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญของร้าน Food Truck ก็คือ การเข้าร่วมงานอีเวนต์ หรือ การไปออกร้านในงานแบบสตรีทฟูดส์ เพราะนอกจากจะเป็นช่องทางสร้าง Brand Awareness ให้กับกลุ่มตลาดผู้จัดงานแล้ว ยังช่วยดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายหลักผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ ส่วนกลยุทธ์ด้านราคาที่เหมาะสมอยู่ที่การวาง Positioning ของร้านและเมนูอาหารที่ทางร้านเลือกนำมาขายว่ามีไอเดียแปลกใหม่มากน้อยแค่ไหน
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า Food Truck คือร้านทางเลือกตรงกลางระหว่าง ร้านอาหาร และ สตรีทฟูดส์ทั่วไป จุดยืนเรื่องราคาจึงเป็นเรื่อง Sensitive ที่ร้านต้องสร้างความสมดุลย์ระหว่างความชิคและทำเลที่ตั้งที่ร้านไปออกงานควบคู่กันไปด้วยค่ะ ถึงจะเวิร์ค ค่ะ