หลายครอบครัวกำลังประสบปัญหา หนี้ครัวเรือน ที่เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว นั่นอาจเป็นเพราะในปัจจุบัน นอกจากข้าวของเครื่องใช้จะแพงมากขึ้นแล้ว สิ่งยั่วยุต่างๆ ที่เข้ามาต่างก็ทำให้คนไทยเป็นหนี้กันมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นมือถือรุ่นใหม่ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกต่อการใช้งาน ทำให้หลายต่อหลายบ้าน ยอมใช้เงินเกินจริง ยอมเป็นหนี้เพื่อความสะดวกสบาย ทำให้ต้องหาเงินมาได้เท่าไหร่ก็ต้องผ่อนต้องจ่ายกันในแต่ละเดือน โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้นอกระบบ ที่บางบ้านถึงกับต้องจ่ายหนี้มากกว่ารายรับเสียอีก
หนี้ครัวเรือน ปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้
ความกังวลต่อปัญหา หนี้ครัวเรือน ที่เพิ่มสูงขึ้น ในระยะห้าปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวลที่จะส่งถึงผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ นั่นเป็นเพราะหนี้ครัวเรือนจะเบียดเบียนการบริโภค ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นเครื่องจักรหลักตัวหนึ่ง ในส่วนของระบบเศรษฐกิจ จนทำให้หลายๆฝ่ายพยายามควานหาต้นตอของหนี้ครัวเรือนกันมากขึ้น รวมไปถึงการออกแบบแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างธนาคารแห่งประเทศไทยที่อยากจะช่วยทำให้คนไทยปลอดหนี้ และหันมาประหยัดกันมากขึ้น นอกจากปัญหาหนี้ครัวเรือนนี้จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนโดยทั่วไปแล้ว นั่นเป็นเพราะจากการสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนมากขึ้น จนทำให้เกิดการเบียดเบียนการบริโภค ซึ่งหนี้ครัวเรือนยังถือเป็นการเบียดเบียนการออมของประเทศอีกด้วย เป็นเพราะว่าแต่ละครัวเรือนที่เป็นหนี้สิน จะต้องกันเงินส่วนหนึ่งมาทำการชำระหนี้ และในกรณีที่มีรายได้ซึ่งหากรวมจากเงินกู้แล้วไม่เพียงพอต่อรายจ่ายในแต่ละเดือน ทำให้แต่ละครัวเรือนจะต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้นจนไม่สามารถทำการออมเงินได้ สุดท้ายทำให้ส่งผลต้อประเทศไม่สามารถลงทุนเพิ่ม จากการอาศัยแหล่งเงินทุนในประเทศได้อย่างเพียงพอ
อ่านเพิ่มเติม >>> วินัยการประหยัดเพื่อการ ปลอดหนี้ครัวเรือน <<<
นโยบายการวางแผนการช่วยเหลือปัญหาหนี้ครัวเรือน
โครงสร้างประชากรที่มีแนวโน้มมากขึ้น และมีผู้สูงอายุมากขึ้น ทำให้มีนโยบายการส่งเสริมเพื่อวางแผนการออมเข้ามามีส่วน สำคัญเพื่อรองรับชีวิตบั้นปลายของผู้ที่มีอายุยืนยาวมากขึ้นเช่นกัน จากข้อมูลรายได้ประชาชาติของประเทศไทยในแบบปริมาณลูกโซ่ ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. หรือสภาพัฒน์ ได้มีการ ระบุว่าการออมของประเทศไทยนั้นเริ่มไม่เพียงพอต่อการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าที่การออมมีมากกว่าการลงทุนมาโดยตลอด ทำให้เกิดมีช่องว่างของการออมและการลงทุน แต่ต่อมากลับเกิดการขาดดุล มากขึ้น จึงส่งผลให้ 2 ปีที่ผ่านมามีการขาดดุลสะสมมากมาย นั่นเป็นผลมาจากการเป็นหนี้สินของประชาชนมากเพิ่มขึ้น คนหันมาจ่ายหนี้กันมาก ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หรือ หนี้นอกระบบ ทำให้ระบบการออมเงินของแต่ละคน แต่ละบ้านลดน้อยลง รายจ่ายมากกว่าการเก็บเงิน ทำให้เงินในประเทศเกิดการหมุนเวียนไม่คล่องตัว การลงทุนในต่างประเทศต้องสะดุด
ประเภทของการออมกับปัญหาหนี้ครัวเรือน
เมื่อแยกประเภทของการออมจะทำให้เห็นว่า การออมสุทธิของครัวเรือนในปัจจุบันมีมูลค่าลดต่ำลงหากเทียบกับปีก่อนๆ ที่ผ่านมา เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในปัจจุบัน มีการเติบโตมากกว่ารายได้ที่พึงจับจ่ายใช้สอย ซึ่งมีรายได้พึงจับจ่ายใช้สอยมากเพราะเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า และมีค่าใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคมากขึ้น ทำให้ส่วนของการเก็บเงินออมเฉลี่ยต่อคนต่อปีมีการลดลง เพราะคนหันมาจ่ายหนี้กันมากที่จะหันมาทำการออมเงิน เรียกสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ มีเงินก็จ่ายหนี้ มากกว่าที่จะต้องเก็บ ในขณะที่การออมของเอกชนและสหกรณ์ กลับมีการปรับตัวดีขึ้น ในส่วนการออมของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจลดลงค่อนข้างมาก ถือได้ว่าต่างก็เป็นการลดลงทั้งการออมในส่วนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ
ปัญหาการออมเงินลดลงเพราะมีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น
ในระดับภาพย่อยที่สำรวจจากข้อมูลของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ได้มีการระบุว่าในจำนวนผู้ฝากเงิน หรือการออมเงินในระบบธนาคารพาณิชย์มีจำนวนบัญชีผู้ฝากที่มียอดเงินต่ำอยู่มาก ทำให้สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบออมเงินของประเทศที่ผู้ฝากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ มีจำนวนเงินฝากหรือเงินออมต่ำกว่า 1 ล้านบาท เพราะนอกจากการออมที่ลดลงมากมาย จนไม่สามารถเพียงพอต่อการลงทุนแล้ว ในอนาคตยังถือได้ว่าการออมเงินที่ลดลงเช่นนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการที่ประเทศไทย จะได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและมีความจำเป็น ที่จะต้องใช้งบประมาณด้านสวัสดิการทางสังคมที่มีจำนวนมากมายมหาศาล เพื่อที่จะดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งไม่อาจสามารถสร้างรายได้ให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ และยังรวมไปถึงต้องการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อชดเชยคน ที่หายไปจากระบบ ซึ่งทำให้การออมเป็นปัจจัยสำคัญที่มีการทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
หากจะเอาผลผลิตเป็นหลัก มันก็ต้องมีการลงทุน แต่ถ้าหากมีการลงทุนแล้วไม่มีการออมออกมารองรับ มันก็อาจจะทำให้เจ๊งได้ เมื่อการบริโภคมากขึ้น ก็จะทำให้เกิดการออมน้อยลง ซึ่งหากคุณใช้วิธีบริโภคนำไปเรื่อยๆ จะทำให้การออมทรัพย์ไม่เกิด ไม่ควรทำเพราะจะยิ่งไปทำลายการออมให้มากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงในประชากร ทำให้เกิดปัญหาและเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะมีประชากรเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีรายได้เพิ่มตามมาด้วย ทำให้มองเห็นการเป็น หนี้ครัวเรือน มากขึ้นตามไปด้วย