เรื่องของการช้อปปิ้งกับสาวๆเป็นเรื่องที่ขาดกันไม่ได้ และ ยิ่งหากเป็นสาวอินเทรนด์และติดแฟชั่นด้วยแล้ว ย่อมไม่พลาดที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ตามเทรนด์ บางคนซื้อกันทุกเดือน บางคนซื้อกันทุกอาทิตย์ บางคนซ้ำกับที่ซื้อแล้วก็มี แบบนี้ฟุ่มเฟือยไปกับความชอบและความสุขเรื่องแต่งตัวกันมากเกินพอดี แต่ของแบบนี้ห้ามกันยาก แต่จะช้อปอย่างไร จะตามเทรนด์ ตามแฟชั่น อย่างไรไม่ให้เปลืองเงิน และ ไม่ต้องเป็นหนี้บัตรเพราะรูดกันเกินตัว
เคล็ดลับนี้ไม่ยาก แต่สาวๆต้องใจแข็งกันสักนิด หรือ ปรับเปลี่ยนกันสักหน่อย แต่รับรองว่าสาวๆจะไม่หน้ามืดตอนสิ้นเดือนเมื่อเห็นบิลบัตรเครดิต หรือ ไม่ต้องนั่งยิ้มทั้งๆที่น้ำตาตกในเพราะเงินในกระเป๋าแทบไม่เหลือ
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแฟชั่นทั่วๆไปนั้นมักจะวนลูป
คือ มันจะวนกลับมากลับไป ไม่มีอะไรที่เอ้าท์แล้วเอ้าท์เลย เทรนด์ปีนี้ที่กำลังฮิตๆ พอหมดสมัยทิ้งช่วงไปอีกสักระยะ มันก็จะวนกลับมาเหมือนเดิม หรือ บางเทรนด์ใส่ได้ตลอดเช่น กางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล กางเกงสแลค กระโปรงทรงต่างๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ตลอดเวลา เราสามารถใช้ได้นาน เพียงแค่รู้จักปรับเปลี่ยน หรือ มิกซ์แอนด์แมตซ์ให้มันทันสมัย เราก็สามารถประหยัดเงินได้เยอะ แม้ว่าหลายๆคนบอกว่าต้องซื้อบ่อยๆเพื่อให้สวมใส่แล้วดูดีดูทันสมัยเวลาไปทำงาน หรือ พบปะผู้คนก็ตาม ก็สามารถเลือกแบบที่สามารถใช้ได้นานไม่ตกเทรนด์ หรือ นำมามิกซ์แอนด์แมตซ์กับของเก่าที่มีอยู่ได้ และไม่ใช่แค่เสื้อผ้าเท่านั้น รองเท้า กระเป๋าก็เช่นกัน บางคนหมดเงินไปอย่างมากมายเพราะขยันซื้อ แต่ซื้อมาแล้วใช้ได้แค่ครั้งสองครั้งเพราะมันไม่เข้ากับเสื้อผ้าที่มี การเลือกซื้อของพวกนี้ก็จะเป็นที่ต้องเลือกให้เหมาะกับเสื้อผ้าที่มีเพื่อให้เราสามารถใช้ได้บ่อยๆ และไม่จำเป็นต้องซื้อให้เข้ากับทุกชุดที่เรามีด้วย
ต้องดูงบที่เรามี
การช้อปปิ้งเทรนด์แฟชั่นต่างๆให้ประหยัดเงินนั้น ก่อนอื่นเราต้องดูงบที่เรามีก่อนว่าเราตั้งงบไว้เท่าไหร่ในแต่ละครั้ง และการเลือกซื้อของที่มีราคาพอประมาณ ไม่แพงหรือติดแบรนด์ที่หรูเกินความจำเป็นจะช่วยเราประหยัดได้ อีกทั้งการเลือกซื้อตามแหล่งช้อปปิ้งแฟชั่นที่มีราคาถูก หรือ ราคาส่ง จะช่วยเราประหยัดได้ เช่น บางแห่งบางร้านนั้นขายราคาส่งก็จริง แต่สามารถคละสี คละลาย คละแบบได้ ก็จะทำให้เราประหยัดได้มากขึ้น และได้ของหลากหลาย สาวๆบางคนตามแฟชั่นก็จริงแต่มีการจำกัดในการช้อปเช่นซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ 3 เดือนครั้งและตั้งงบประมาณไว้ว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ และ เลือกไว้ก่อนว่ารอบนี้จะซื้ออะไรบ้าง อะไรที่จำเป็นต้องซื้อก่อน เช่น ชุดทำงาน ชุดไปเที่ยว บางคนเลือกจากราคากลางๆ แต่เน้นคุณภาพ และ เลือกดีไซน์ที่ไม่ล้ำ หรือ ไม่เชย เพื่อที่จะใส่แล้วไม่ดูตกเทรนด์ หรือบางคนเลือกซื้อแอคเซสเซอรี่ต่างๆ ให้เข้ากับเสื้อผ้าที่มีอยู่ หรือ นำมาใช้แล้วทำให้ดูทันสมัย เช่น กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด ผ้าผูกคอ ผ้าคลุมไหล่ ซึ่งของพวกนี้บางครั้งก็ช่วยให้ชุดเก่าๆเดิมๆ ที่เราใส่ดูดีและอินเทรนด์ขึ้นมาได้
การเลือกซื้อเสื้อผ้าตามเทรนด์แฟชั่น
หากเลือกให้เป็น เลือกให้ดี เราจะได้ของดีราคาเบาๆ แม้จะไม่แบรนด์เนมแต่มันก็ทันสมัย มีคุณภาพใช้ทน ยิ่งการเลือกโทนสีให้เข้ากับผิว เลือกให้เหมาะกับบุคลิก จะทำให้เรานำหมุนเวียนกลับมาใช้ได้นานขึ้น และไม่มีคำว่าตกเทรนด์ ต่างจากการซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นที่อินตามกระแส แต่พอหมดความนิยมก็จะไม่สามารถใส่ได้อีก ซึ่งหลายๆคนหมดเงินไปเพราะแบบนี้ อยากสวยเก๋ อินเทรนด์เป็นแฟชั่นนิสต้า แต่น้ำตาตกในเพราะซื้อมาแล้วมีโอกาสได้ใส่บ่อยๆเพราะใส่แค่ครั้งสองครั้งก็หมดความนิยม หรือ ใส่แล้วไม่เหมาะทั้งการใส่ทำงาน หรือ ใส่เที่ยว อีกทั้งตอนซื้อมาใหม่ๆนั้นราคาก็แพง ใช้ยังไม่หมดกลิ่นใหม่แต่ตกเทรนด์ไปแล้วก็มี จะขายเป็นมือสองราคาถูกๆ ก็เสียดาย ได้แต่มองมันแขวนอยู่ในตู้โดยไม่มีโอกาสได้ใส่อีก จะดัดแปลงหรือนำไปมิกซ์กับเสื้อผ้าตัวอื่นๆก็ไม่ได้ไม่เข้ากันอีก
เห็นไหมว่าหากตามแฟชั่นแบบไม่คิด เงินทองก็ต้องหมดไปฟรีๆ แต่หากมีสติก่อนซื้อ เช่น สำรวจของเก่าๆที่มีว่าชุดไหนยังใส่ได้ไม่ตกเทรนด์ ตัวไหนที่มิกซ์แอนด์แมตซ์แล้วยังใช้งานได้ แค่หามาเพิ่มเพื่อให้มีตัวเลือกมาขึ้น หรือ บางชุดเติมแต่งอะไรนิดๆหน่อยก็ดูเก๋ แล้วแค่หาอะไรเพิ่มเติมนิดๆหน่อย หรือ ซื้อใหม่ให้เข้ากับของเก่าที่มี เพียงแค่นี้เราก็ใช้เงินไม่มากกับการช้อปปิ้ง และ เคล็ดลับอีกอย่างคือ
ควรใช้เงินสดในการซื้อ ตั้งงบไว้จะซื้อเท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่พกบัตรเครดิต ไม่พกบัตรเอทีเอ็มเวลาไปเดินช้อปปิ้งเสื้อผ้า เตรียมเงินให้พอทั้งค่าเดินทาง ค่าอาหาร และไม่ช้อปออนไลน์ ไปเดินเลือกซื้อด้วยงบประมาณที่มี รับรองว่ามีเงินเหลือกลับบ้าน เพราะจะควักเงินสดๆจ่ายมันจะเกิดความเสียดาย และ กลัวเงินหมด
วิธีนี้จะช่วยให้สาวๆยับยั้งชั่งใจก่อนซื้อ และมั่นใจได้ว่าซื้อมาแล้วใช้ได้จริงๆ เพราะจะลังเลคิดแล้วคิดอีกก่อนควักเงินสดๆจ่าย ต่างจากการใช้บัตรเพราะแค่อยากได้ก็รูดแล้ว ลองทำดูแล้วจะรู้ว่าที่บอกมามันเป็นเรื่องจริง