สังคม มนุษย์เงินเดือน สมัยนี้ แตกต่างจากรุ่นก่อนๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยจนเกินรายได้ หรือในแง่ของการเก็บออม ส่งผลให้ปัจจุบันเกิดสภาวะหนี้เสียล้นประเทศ เนื่องจากบัตรเครดิตถูกอนุมัติง่ายขึ้น การใช้จ่ายเริ่มขาดสติยั้งคิด จนประชากรวัยทำงานทั่วประเทศ มีหนี้สินโดยเฉลี่ยต่อหัวคนละประมาณ 100,000 บาทเป็นขั้นต่ำ
บทความนี้รวบรวมเคล็ดลับการใช้เงินอย่างถูกวิธีไว้หลายข้อ เพื่อช่วยเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตอย่างถูกต้องของมนุษย์เงินเดือนพันธุ์ใหม่ต่อไป และมั่นใจว่าเคล็ดลับเหล่าน้ะต้องมีประโยชน์ต่อหลายๆ คนแน่นอน โดยเฉพาะ มนุษย์เงินเดือน
1. กำหนดแผนค่าใช้จ่าย
วางแผนไว้ทุกเดือน ว่าคุณจะต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง เพื่อที่คุณจะได้รู้ทิศทางการเงินล่วงหน้า และควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างเพียงพอดี ไม่ว่าจะเป็น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ หลังจากนั้นให้หักยอดเงินคงเหลือ แล้วนำยอดนั้นเก็บไว้บริหารต่อในขั้นตอนถัดไป ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เราจัดการกับค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น และมีเงินเหลือพอใช้ในแต่ละเดือนอย่างแน่นอน อีกทั้งยังทำให้มีเงินออมมากขึ้นอีกด้วยนะ
2. หักเงินเข้าฝากอัตโนมัติทุกเดือน
ทุกเดือน คุณต้องมีเงินฝาก อย่างน้อยๆก็ควรกำหนดขั้นต่ำไว้ในใจว่าจะฝากเท่าไหร่ดี เช่น ฝากเป็นประจำเดือนละ 1,000 บาท คุณก็ต้องบังคับตัวเอง ให้ฝากเงินเดือนละเท่านี้ไปตลอด ห้ามยึกยัก หักยอดเงินฝากออกโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นคุณจะผิดวินัยกับตนเอง และไม่มีเงินเก็บออมไว้ใช้ในช่วงวัยเกษียณ และที่สำคัญเลย คือห้ามนำเงินฝากในส่วนของเงินออมนี้ออกมาใช้เด็ดขาด หากไม่จำเป็นจริงๆ เพราะเมื่อมีการถอนออกมาครั้งหนึ่งแล้วก็จะมีครั้งต่อไป ทีนี้เงินออมของคุณที่อุตส่าห์เก็บไว้ก็จะหายไปภายในพริบตาเลยล่ะ
3. หาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้
ถ้าทุกวันนี้คุณเสียเวลาไปกับการใช้เงิน คุณก็ต้องใช้เวลาที่เหลือเพื่อหาเงินเช่นกัน ค้นหาความถนัด หรือความสามารถพิเศษของตัวคุณเองให้เจอ แล้วใช้มันให้เป็นประโยชน์ เช่นคุณมีความสามารถพิเศษด้านการเขียนโปรแกรม คุณก็สร้างเพจร้านค้าออนไลน์ เพื่อรับงานเขียนโปรแกรมควบคู่กับงานประจำไปด้วย อย่าลืมว่าบนความแน่นอน คือความไม่แน่นอน หากสักวันหนึ่ง บริษัทที่คุณทำงานอยู่เกิดปิดตัวลงขึ้นมา คุณก็ยังมีอีกหนึ่งแหล่งรายได้ไว้รองรับพอดิบพอดี แต่ทั้งนี้สำคัญเลยคือจะต้องเลือกอาชีพเสริมที่ไม่ส่งผลกระทบกับงานประจำมากนัก และไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป ซึ่งอาชีพที่เราแนะนำเลย ก็คือขายของออนไลน์แบบไม่สต๊อกสินค้า เขียนบทความหรือทำงานแฮนเมด เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม >>> เคล็ดลับการทำ อาชีพเสริม ให้ได้เงินและยั่งยืน <<<
4. หักเงินเข้ากองทุนบริษัททุกเดือน
ทุกบริษัท จะมีกองทุนเงินสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งมีอัตราค่าตอบแทนค่อนข้างสูง และทบทวีค่ามากขึ้นตามจำนวนปีที่ทำงาน ซึ่งทันทีที่คุณลาออกอย่างถูกต้อง คุณก็จะได้รับเงินต้นที่คุณฝากไว้ พร้อมๆกับเงินสมทบตามจำนวนที่คุณได้ตกลงไว้กับนายจ้างตั้งแต่ต้น ดังนั้นในส่วนนี้จึงควรหักเข้ากองทุนทุกเดือน แต่ส่วนใหญ่แล้ว ทางบริษัทมักจะหักให้เลยอยู่แล้ว
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท A ทำข้อตกลงไว้กับพนักงานดังนี้
1. หักเงินเดือนคนละ 5%/เดือน เข้าบัญชีกองทุนบริษัท ที่ผูกกับธนาคารต่างๆ
2. พนักงานประจำที่ลาออกอย่างถูกต้อง จะได้รับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยตามอัตราต่างๆดังนี้
- ลาออกอย่างถูกต้องเมื่อทำงานครบ 2 ปี ได้รับเงินสมทบ 20% ของเงินต้น
- ลาออกอย่างถูกต้องเมื่อทำงานครบ 4 ปี ได้รับเงินสมทบ 40% ของเงินต้น
อัตราการจ่ายดอกเบี้ยสมทบจะคูณตามอายุงานทุกๆ 2ปี ,ปีที่ 3,5,7,9,ไม่เพิ่มเปอร์เซ็นต์ เห็นไหมคะ ว่าอัตราค่าตอบแทนของการฝากเงินประเภทนี้ คุ้มค่าขนาดไหน
อ่านเพิ่มเติม >>> เมื่อต้องถูกหักเงินจาก กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ <<<
5. ลดค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง
ทุกวันนี้ ถามตัวเองว่าคุณกำลังใช้เงินในรูปแบบไหน ใช้เงินเสมอฐานะ หรือใช้เงินเกินฐานะ หากเป็นอย่างหลัง คุณควรปรับปรุงตัวเองเป็นการใหญ่ อันดับแรกเลย คุณต้องปรับลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหล่านี้ก่อน ด้วยการแยกประเภทของค่าใช้จ่ายตามข้อแรก เมื่อพบว่า ค่าใช้จ่ายส่วนไหนฟุ่มเฟือยแล้ว คุณต้องตัดมันออก เช่น ค่าเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ทั้งหมดนี้กินเงินคุณต่อเดือนถึง40% คุณก็ไม่ควรเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายประเภทนี้อีก ทำข้อตกลงกับตัวเองเอาไว้ว่าจะให้รางวัลกับตัวเอง โดยการซื้อของพวกนี้ได้ปีละ 1-2 ครั้ง ครั้งละไม่เกินกี่บาทก็ว่ากันไป ทีนี้เมื่อลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยลงได้ คุณก็จะมีเงินเหลือใช้ในแต่ละเดือนอย่างแน่นอน หมดปัญหาปลายเดือนที่แสนย่ำแย่ไปได้เลย
หากคุณทำได้ตามนี้ทั้งหมด คุณจะมีอนาคตทางการเงินที่สดใส มีเงินเก็บเหลือเฟือที่จะเอาไว้ใช้ได้ตลอดชีวิต มีอาชีพที่มั่นคง และสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้ ก้าวสู่การเป็นผู้มีอิสระทางการเงินตามที่คุณใฝ่ฝันไว้ ในเวลาเพียงไม่นาน อยากมีเงินเก็บ มีอิสระภาพทางการเงิน และไม่มีปัญหาหนี้สิน ก็ลองบริหารการใช้จ่ายเงินของตัวเองดู แล้วความรวยจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการออมเงิน ลองคิดดูสิว่าหากคุณออมเงินเดือนละ 1000 บาท ปีหนึ่งก็จะมีเงินออม 12,000 บาท เมื่อออมเป็นระยะเวลา 10 ปี คุณก็จะมีเงินออมทั้งหมด 120,000 บาทเลยทีเดียว เห็นไหมว่าถึงแม้จะใช้เวลานานหน่อย แต่คุณก็ได้จับเงินแสนอย่างแน่นอน