ในยุคปัจจุบันที่คนรักอิสระเพิ่มขึ้น ไม่อยากเข้ากฎระเบียบ อยากทำตามใจ ตามความฝัน สิ่งที่เราเห็นได้จากนักศึกษาจบใหม่ คือ มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่สมัครงานประจำ คนวัยทำงานพอถึงช่วงอายุหนึ่ง มุ่งมั่นปรารถนาจะมีอาชีพ มีธุรกิจเป็นของตนเอง แต่จะมีสักกี่คนที่กล้าเดินออกมาตามความฝัน
และในจำนวนคนที่กล้าออกมาตามฝันค้นพบสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ตนเองสามารถนำไปขายต่อได้ แต่ปัญหาต่อมาสำหรับผู้มีผลิตภัณฑ์ หรือ สินค้าในมือ คือ จะขายเท่าไหร่ดี ขายราคานี้แพงไปมั๊ย ขายราคานี้เราจะไหวมั๊ย วันนี้ เรามี วิธีการหรือกลยุทธ์การ ตั้งราคาสินค้า สำหรับพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่มาฝาก
เทคนิคกลยุทธ์ของการ ตั้งราคาสินค้า
เราควรพิจารณาจากเจ้าเก่าในตลาดและคู่แข่ง ถ้าผลิตภัณฑ์ที่เรานำมาขายนั้น มีคู่แข่งในตลาดหลายราย เราอาจจะตั้งราคาถูกลงหรือที่เรียกตั้งราคาสินค้าต่ำเพื่อเจาะตลาดและเพื่อเรียกลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ มุ่งให้สินค้าคงเหลือสต๊อกน้อยที่สุด ตัวอย่างใกล้ๆ ตัวเรา เดี๋ยวนี้แม่ค้าหลายท่านหันมาทำอาหาร ทำขนมขาย ในสินค้าประเภทเดียวกัน ราคาขายมักจะไม่ต่างกันมาก เราจะทำยังไงเมื่อเราเป็นแม่ค้าหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาด เช่น วุ้นมะพร้าว หันไปซ้าย ขวา ก็วุ้นมะพร้าว หลักการแรก เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แม่ค้าทั่วไปขายราคาต่อกล่อง 25 บาท เราแม่ค้าใหม่ขายให้ถูกกว่า เป็น กล่องละ 20 บาท เพื่อให้ลูกค้าลองวุ้นของเรา และกลับมาซื้อซ้ำ เป็นลูกค้าประจำกันต่อไป
นอกจากนี้ก็อาจจะมีคำถามว่าแม่ค้าหน้าใหม่อย่างเราขายราคา สูงกว่าเจ้าตลาด หรือแม่ค้าท่านอื่น ๆได้ มั๊ย ในเมื่อต้นทุนเราได้มาก็ถูกอยู่
โดยเราต้องดูต้นทุนว่าต้นทุนเราอยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าต้นทุน 18 บาทต่อกล่อง เราก็จัดไปได้เลย แต่ ถ้าต้นทุนหน้าใหม่อย่างเรามาก็ 25 บาทแล้วหล่ะ จะทำยังไง จะขาย 30 บาท จะไหวมั๊ย คำตอบก็คือไหว ถ้าอาหารหรือขนมของเรามีข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เช่น ลวดลายสวยงาม ปริมาณชิ้นที่ใหญ่กว่า หรือเราจะใช้โปรโมชั่นเข้าช่วยเพื่อให้ยอดขายกระเตื้อง และการขายออกไว สำหรับอาหารและขนมที่มีโอกาสบูดหรือเสียนั้น ออกไวเท่าไหร่ยิ่งดี
สถานที่จำหน่าย ย่านค้าหรือที่เราจะนำสินค้าไปจำหน่าย สินค้าแบบเดียวกันชนิดเดียวกัน แค่เพียงวางต่างสถานที่ ราคาขายก็ต่างกัน หากคุณได้ขายผลิตภัณฑ์ในย่านสุขุมวิท หรือ สีลมย่านเศรษฐกิจใจกลางเมือง ในกรณีตัวอย่างเดียวกันวุ้นมะพร้าว พระเอกของเราในวันนี้ อันนี้รับรองว่าราคาวุ้นมะพร้าวที่คุณตั้งราคา สามารถเพิ่มได้ถึงกล่องละ 35 บาท ด้วยกำลังซื้อของคนในย่านนั้น ที่มีทั้งคนไทยมีรายได้ค่อนข้างสูงและทำงานประจำ และชาวต่างชาติ ที่เข้ามาเที่ยว และมาทำงานในประเทศไทย ราคานี้ขายได้สบายๆๆ เพียงแต่ คุณแม่ค้าต้องรักษาคุณภาพสินค้าให้ดี สด ใหม่ อร่อย
อ่านเพิ่มเติม >> ยอดขายร่วง กลยุทธ์ราคา ช่วยคุณได้นะ ! (ตอนที่ 1) <<
คราวนี้เรามาดูการตั้งราคาของแม่ค้า ผลิตภัณฑ์ที่สามารถขายยกชุดได้บ้าง อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เครื่องสำอาง เป็นต้น การจะให้ของในสต๊อกมีการเคลื่อนไหวเร็วที่สุดได้ ก็ต้องขายได้ไวที่สุดเช่นกัน อย่าลืมว่าการมีสินค้าคงเหลือค้างมากนั่นหมายถึงเม็ดเงินที่ลงทุนไป ยังไม่ช่วยเพิ่มธนบัตรในกระเป๋าเราเลย เร่งขาย ๆ โดย จัดเป็นชุดขายได้ไว กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อในปริมาณที่มาก ซื้อแล้วลูกค้ารับรู้ได้ถึงความคุ้มค่า การแยกซื้อผลิตภัณฑ์อาทิ ครีมบำรุงผิวหน้า 1 กระปุก และ ครีมบำรุงตา ขนาด 250 มล. ในราคากระปุกละ 550 บาท แต่ถ้าซื้อครีมบำรุงผิวหน้าพร้อมบำรุงตา ในเซทราคา 900 บาท ลูกค้าย่อมเห็นความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายออกไป และยิ่งหากเราเลือกจังหวะการจัดเซทให้ตรงกับเทศกาล อาทิเซทครีมบำรุง บอกรักแม่ หรือเซทของขวัญวันปีใหม่ ของออกไว เงินไหลมาเทมา จะว่าไปกลยุทธ์นี้งานสัปดาห์หนังสือเค้าก็ใช้จัดกันนะ ตามสำนักพิมพ์ที่มาออกบู๊ท ต่างจัดขายหนังสือชุดเป็นเซ็ท เพราะหากแยกซื้อจะมีราคาแพงกว่า
พ่อค้าแม่ค้าในโลกไซเบอร์นอกจากการ ตั้งราคาสินค้า จากการได้ราคาเน็ทมาแล้วบวกกำไร แล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจจะลืม คือ เรื่องของการส่งสินค้า หลายๆท่านใช้กลยุทธ์บวกรวมไปกับค่าสินค้า และอีกหลายท่านที่ระบุ แยกค่าส่งสินค้าไว้ต่างหาก ถามว่าแบบไหน ดีกว่ากัน คงต้องบอกว่ามันแล้วแต่ผลิตภัณฑ์และวิธีการนำส่ง หากคุณส่งทางไปรษณีย์ แน่นอนไปรษณีย์ คิดตามน้ำหนัก หากของหรือผลิตภัณฑ์มีน้ำหนัก การมารวมไว้จะทำให้ต้นทุนเราสูง และส่งผลให้ราคาขายเราสูงตามไป ซึ่งอาจจะกระทบต่อยอดขาย แต่หากเราแยกค่าส่งไว้ต่างหาก ราคาค่าสินค้าที่ลูกค้าจ่ายจริงจะเห็นชัดเจน
การตั้งราคาแบบสินค้าทั้งร้านราคาเดียว
กลยุทธ์แบบนี้ใครนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงร้านขายของที่ช่วงนี้กำลังฮิต ทุกอย่าง 20 บาท ที่ได้รับอิทธิพลการตั้งราคามาจากร้านขายของญี่ปุ่นทั้งร้าน 60 บาท เป็นการขายสินค้าในราคาที่ถั่วเฉลี่ยกันไป อันนี้จะเหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าที่สินค้ามากมายหลายประเภท ในราต้นทุนที่ต่างกันมากนัก ของซื้อยกโหลมาจัดแบ่งขาย ต้องมีของหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือก เพราะอย่างน้อยแวะมาชมเราต้องสอยไปสักอย่างสองอย่างละน่า
อย่าลืมว่าราคาที่โดนใจมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ลูกค้าติดใจ ใช้ซ้ำมีชัยยิ่งกว่า