สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน นั่นก็คือ การที่เรามีบัตรเครดิตใช้กัน มีบัตรกดเงินสด หรือแม้แต่ได้รับสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคาร เหล่านี้ล้วนเป็น สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน ทั้งสิ้น เพราะเราไม่ต้องนำบ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์ของเราโอนกรรมสิทธิ์ไปให้ธนาคาร เพื่อที่เราจะได้เงินออกมาใช้ หรือบางครั้งเราก็เรียกกันว่าเงินล่วงหน้านั้นเอง ซึ่งก็เชื่อได้ว่าน่าจะมีอยู่หลายคนเลยทีเดียวที่อาจจะหวาดกลัวและไม่กล้าที่จะใช้เงินล่วงหน้ากัน หรือการขอสินเชื่อกับธนาคาร
นั่นเป็นเพระว่าเรามีความเข้าใจใน สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน แต่ละแบบที่ยังไม่เพียงพอ อีกทั้งเมื่อได้สินเชื่อมาแล้วก็นำไปใช้ผิดประเภท ตลอดจนขาดวินัยทางการเงิน นั่นก็เลยทำบางคนเมื่อสามารถเคลียร์หนี้สินจากสินเชื่อไปได้แล้ว ก็ไม่กล้าที่จะใช้เงินจากการขอสินเชื่อกับธนาคารอีกเลย แต่บทความนี้น่าจะพอเป็นแนวทางในการใช้สินเชื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเราเองได้
อย่างที่ได้บอกไปในตอนแรกแล้วว่า สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน คือ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งธนาคารผู้ออกบัตรหรือให้สินเชื่อกับเรานั้นไม่ได้รับสิ่งของเป็นหลักประกันจากเรา แต่ธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อให้กับเราโดยพิจารณาจากสลิปเงินเดือน อายุการทำงาน หน้าที่การทำงาน รวมทั้งประวัติการชำระหนี้ย้อนหลัง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเพียงแค่เราเขียนใบสมัครหรือเดี๋ยวนี้อาจจะง่ายกว่าเดิมเพียงแค่โทรศัพท์ไปสมัคร กับยื่นเอกสารประกอบการพิจารณาอีกนิดหน่อย ถ้าคุณสมบัติของเราเข้าเกณฑ์ของธนาคาร เราก็จะได้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลมาใช้แล้ว โดยวงเงินที่เราได้รับก็จะเป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคารอีกเช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นหลักหมื่นบาทจนถึงหลักล้านบาทก็ได้ทีเดียว แต่อย่าลืมว่าเพราะเป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยที่เราจะต้องจ่ายเมื่อนำเงินออกมาใช้ก็จะต้องสูงเช่นกัน ปัจจุบันก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 20-25% ก็เป็นได้
แต่ก็ใช่ว่า สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน จะน่ากลัวจนไม่กล้าใช้กันเลยทีเดียว ถ้าเรารู้จักเงื่อนไขของสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันแต่ละประเภท เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากสินเชื่อได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว และที่สำคัญการอนุมัติก็ไม่ได้ยุ่งยาก ไม่ต้องมีการประเมินทรัพย์สิน ใช้ระยะเวลาในการอนุมัติไม่นาน เรามาเริ่มที่สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันตัวแรกกันเลยดีกว่า เพราะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่จะมีติดกระเป๋า นั่นก็คือ บัตรเครดิต นั่นเอง
ก็คือบัตรที่เราได้วงเงินมาก้อนหนึ่ง ที่เราสามารถเอาไปรูดซื้อของตามร้านค้าที่รับบัตร ซึ่งอาจจะมีบางร้านที่ขอคิดค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรก็จะอยู่ที่ 2-3% ของจำนวนเงินที่ใช้ โดยที่ ณ วันเราใช้บัตรซื้อของเราจะไม่ถูกคิดดอกเบี้ย เราจะถูกคิดดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดจ่ายแล้วเราไม่จ่ายให้ตรงเวลา หรือเราจ่ายเงินคืนเพียงบางส่วนหรือไม่เต็มจำนวน ส่วนบัตรเครดิตของบางธนาคารก็อาจจะให้สิทธิในการกดเงินสดจากบัตรได้อีกด้วย แต่เราจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการกดครั้งละ 3% ของเงินที่เรากดออกมา ส่วนดอกเบี้ยก็จะคิดเหมือนการนำบัตรไปซื้อของ ก็คือ คิดดอกเบี้ยเมื่อชำระเกินกำหนดและจ่ายคืนเพียงบางส่วน
อ่านเพิ่มเติม >> ดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดง่ายๆ ไม่เสียรู้ <<
บัตรกดเงินสด ก็เป็น สินเชื่อไม่มีหลักประกัน อีกตัวหนึ่งเช่นกัน ก็คือ ธนาคารจะให้วงเงินภายในบัตรกับเรามาหนึ่งก้อน ซึ่งเราจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ เงื่อนไขของบัตรก็คือ ณ วันที่เราใช้บัตรไปกดเงินเราจะไม่เสียค่าธรรมเนียมในการกดเงินเหมือนกับบัตรเครดิต แต่เราจะถูกคิดดอกเบี้ย ณ วันที่เรากดเงินทันทีและจะคิดไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะจ่ายเงินคืน ซึ่งเราอาจจะจ่ายคืนเงินก่อนที่ครบรอบการตัดบัญชีก็ได้ นั่นก็จะทำให้เราเสียดอกเบี้ยน้อยลง แต่ถ้าเราจ่ายคืนเงินล่าช้าหรือจ่ายคืนเพียงบางส่วนเราก็จะต้องเสียดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ เหมือนบัตรเครดิตเช่นกัน
ส่วนสินเชื่อไม่มีหลักประกันอีกตัวหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันก็ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคล โดยสินเชื่อประเภทนี้ธนาคารจะให้เงินก้อนเรามาหนึ่งก้อน และให้เราผ่อนชำระทุกเดือนเป็นจำนวนเงินที่เท่ากัน โดยที่ระยะเวลากับจำนวนเงินที่ผ่อนชำระนั้นจะสวนทางกัน ก็คือ ถ้าต้องการให้จำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนไม่สูงมาก เราก็ต้องเลือกระยะเวลาการผ่อนที่นานขึ้น ส่วนอัตราดอกเบี้ยธนาคารจะคิดตามวงเงินที่อนุมัติซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร แต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยแตกต่างจากบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดเท่าไร ซึ่งก็จะอยู่ที่ประมาณ 20-28% ต่อปีกันเลยทีเดียว
ที่นี้เราได้รู้จัก สินเชื่อไม่มีหลักประกันกันแล้ว ได้รู้เงื่อนไขของสินเชื่อแต่ละแบบ ก็ลองพิจารณาเลือกใช้กันให้เหมาะสมกับความจำเป็นของเราจริงๆ และที่สำคัญต้องมีวินัยทางการเงินเพื่อที่สินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันเหล่านี้จะมาสร้างปัญหาให้กับเราในภายหลัง
เลือกขอสินเชื่อให้เหมาะกับความต้องการ ถ้าคิดจะทำบัตรเครดิต ต้องเลือกที่มีโปรดีๆ ส่วนลดโดนๆ คลิกเลย!