หลายๆคำถามที่สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้เขียนเป็นอย่างมาก คือเรื่องของ การออม ที่สมาชิกถามถึงแนวทางการออมอย่างไรให้เห็นผล และควรจะเริ่มต้นออมด้วยวิธีการใดจึงจะสำเร็จ ซึ่งในความเป็นจริง เรื่องของการออมไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย เพราะ การออม เป็นเรื่องที่ผู้ออมจะต้องมีวินัยในการออม และมีเป้าหมายอย่างแท้จริง ไม่ใช่ออมไประยะหนึ่งแล้วก็เลิกออม แต่ต้องทำให้ติดเป็นนิสัย
ในฐานะของผู้เขียน MoneyHub.in.th จึงขอรวบรวมเทคนิคการออมควรเริ่มต้นจากอะไร
จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย
วิธีการเขียนรายรับรายจ่าย อาจจะดูเป็นเรื่องจุกจิก แต่การจดรายรับรายจ่าย จะช่วยให้เรานั้นสามารถทราบได้ว่าในแต่ละเดือนเราเสียค่าใช้จ่ายไปกับสิ่งใดบ้าง เพื่อที่เราจะสามารถควบคุมรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ค่าเสื้อผ้า ค่าอุปกรณ์แต่งรถยนต์ ค่าสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ รายการเหล่านี้จะปรากฎให้เราเห็นในแต่ละเดือน เพื่อที่เราจะสามารถควบคุมรายจ่ายเหล่านี้ให้ลดลง จนเราสามารถที่จะมีเงินเหลือเก็บในเดือนนั้นๆ เรื่องของการทำรายรับรายจ่าย จึงเป็นสิ่งแรกที่จะช่วยเริ่มต้นของการออมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แยกการออมออกเป็นสองระยะ
เมื่อเรามีรายได้คงเหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆหมดแล้ว ให้ทำการแยกเงินออมออกเป็น 2 ส่วน คือ ออมระยะสั้น และออมแบบระยะยาว โดยที่ระยะสั้นเป้าหมายเป็นการออมเพื่อไว้สำหรับสิ่งที่ต้องต้องการอยากจะได้หรืออยากจะทำภายในระยะเวลา 1 ปี เช่น ท่องเที่ยวต่างประเทศ คอมพิวเตอร์ตัวใหม่ หรือนาฬิกาเรือนใหม่ เป็นต้น
ออมระยะยาว เช่นเดียวกัน เป้าหมายคือสิ่งที่เราต้องการทำหรืออยากได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เช่นรถยนต์ใหม่,บ้าน, ค่าพยาบาล (สำรอง),วัยเกษียณ เป็นต้น
โดยทั้ง 2 ช่วงจะต้องแบ่งรายได้ออกเป็น 2 ส่วน เช่น รายได้ในเดือนนั้นเหลือ 4,000 ให้หักเป็น ออมระยะสั้น 3,000 บาท และ ออมระยะยาว 1,000 บาท ที่ให้นํ้าหนักการออมไปที่ระยะสั้น เพราะเป็นเป้าหมายระยะสั้น จึงจำเป็นที่จะต้องทำให้เป้าหมายสำเร็จในเวลาที่กำหนด แต่ในขณะที่ระยะยาวนั้นยังสามารถเฉลี่ยออมเพิ่มได้หากมีรายได้เพิ่ม
รายได้เพิ่ม ออมเพิ่ม
หากปีนี้ได้รับโบนัสหรือได้รับการปรับเงินเดือน อัตราการออมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์หลังจากหักลบค่าใช้จ่ายควรจะต้องออมเพิ่มมากขึ้นด้วย เช่น เดือนนี้มีรายได้ 30,000 บาท มีค่าใช้จ่าย 20,000 บาทต่อเดือน เท่ากับว่าอัตราการออมของเดือนนี้อยู่ที่ 33% หลังจากนั้น เดือนถัดมาได้เงินเดือนเพิ่มเป็น 50,000 บาท ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เป็น 45,000 บาท หมายความว่า รายได้เพิ่ม รายจ่ายสูงขึ้นแต่การออมกับลดลง นี้แสดงให้เห็นว่าการออมของคุณจากจุดเริ่มต้นมีปัญหา แทนที่รายได้เพิ่มเงินออมจากต้องเพิ่มมากขึ้น ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะอาจจะไม่มีเงินเหลือเก็บเลยก็ได้ หากมีความจำเป็นจะต้องใช้เงินด่วน
ออมเพื่อการลงทุน
การออมเงินไว้เฉยๆในบัญชีออมทรัพย์อาจจะไม่เหมาะสมมากนักในยุคสมัยนี้ เพราะดอกเบี้ยเงินฝากตํ่าเหลือเกิน เราควรนำเงินออมบางส่วนไปสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น การลงทุนในกองทุนรวมต่างจะเป็นการที่นำเงินออมของเราไปลงทุนในตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ เป็นต้น นอกจากนี้จะอาจจะเป็นการออมในรูปแบบของประกันที่ให้ผลตอบแทนแบบการออมทรัพย์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ดังนั้น ท้ายที่สุดแล้ว การออม ไม่มีสูตรที่ตายตัว แต่สิ่งที่ผู้ต้องการเริ่มต้นออมควรจะต้องมี คือความตั้งใจบวกกับเป้าหมายที่ชัดเจนว่าออมไปเพื่ออะไร เพราะการออมจะเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคุณไม่เพียงเฉพาะในวันนี้ แต่ยังสร้างความมั่นคงให้กับคุณในวัยเกษียณ