สินเชื่อเงินกู้ คือ สินเชื่อที่สร้างมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในรูปแบบต่างๆ เพื่อใช้จ่ายเพิ่มเติมในนอกเหนือจากรายได้ประจำ ถือเป็นเงินล่วงหน้าที่ถูกหยิบยืมมาใช้จ่ายก่อน แล้วค่อยชำระคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด ตามแต่จะตกลงกัน
สินเชื่อเงินกู้ เหล่านี้มักจะมาในรูปแบบของ เงินสด บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด เป็นต้น ซึ่งทางผู้ให้กู้จะมีวงเงินอนุมัติให้ในจำนวนหนึ่ง ผู้กู้มีสิทธิ์นำมาใช้จ่ายได้ตามความพอใจ และชำระคืนเมื่อถึงกำหนด พร้อมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตามแต่จะตกลงกัน

ซึ่งในการใช้สินเชื่อเงินกู้นี้ หากใช้ไม่ถูกวิธี อาจส่งผลให้คุณประสบสภาวะล้มเหลวทางการเงินได้โดยง่าย ดังนั้น ผู้เขียนจึงได้ทำการรวบรวม 7ข้อควรรู้ เกี่ยวกับการใช้สินเชื่อเงินกู้มาฝากกันค่ะ
1. รับได้ไหม กับอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง
สินเชื่อเงินกู้ ถือเป็นสินเชื่อประเภทที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง ถ้าเทียบกับการกู้ซื้อในรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือไปจากดอกเบี้ยแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมต่างๆเรียกเก็บเข้ามาอีกมากมาย เช่น ค่าธรรมเนียมการใช้บัตร ค่าธรรมเนียมในการกดผ่านตู้ ATM ซึ่งถ้าคำนวณดูดีๆแล้ว ค่ากินเปล่าต่างๆเหล่านี้อาจทบรวมๆกันจนมีจำนวนเท่ายอดเงินต้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
หากบัตรเครดิตของคุณ เป็นประเภท 2 IN 1 หรือเป็นสินเชื่อเงินกู้ 2 รูปแบบ คือ รูดซื้อสินค้า และกดเงินสดได้ในระยะเวลาเดียวกันตามวงเงินที่กำหนด แนะนำให้ใช้วิธีรูดซื้อแทนการกดเงินสด เพราะจะเสียอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า แถมยังได้แต้มสะสมไว้ใช้ตามโปรโมชั่นต่างๆได้อีกด้วย
หากคุณคิดว่ารับได้กับอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินกำหนดไว้ตามนี้ ก็สามารถยื่นความจำนงขอสมัครสินเชื่อเงินกู้ได้ ตามเคาน์เตอร์บริการต่างๆที่พบเห็นตามห้างสรรพสินค้า หรืออาคารสำนักงานทั่วไป
2. ยิ่งใช้ระยะเวลาในการผ่อนจ่ายนาน ยิ่งเสียดอกเบี้ยมาก
คุณคงเคยได้ยินสโลแกนโฆษณาของบริษัทสินเชื่อเงินกู้รายหนึ่งที่ว่า “ ยิ่งจ่ายมาก ดอกเบี้ยลด ต้นก็หมดไว “ สโลแกนนี้ถือเป็นคำจำกัดความที่ชัดเจนที่สุดแล้ว สำหรับเรื่องรายละเอียดของดอกเบี้ยรวมกับระยะเวลาที่ผ่อนชำระคืนทั้งหมด
จำไว้ว่าระยะเวลาในการผ่อนจ่ายยิ่งยาวนานเท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมก็ทบทวีตามขึ้นไปเท่านั้นเช่นกัน ตรงกันข้าม หากคุณมียอดเงินก้อนมาปิดบัญชี ทางเจ้าหน้าที่จะคิดยอดชำระให้คุณในอัตราที่ลดลงมากว่าเดิมหลายเท่าตัว
ดังนั้น หากคุณมีโอกาสได้รับเงินพิเศษ โบนัส หรือเงินก้อนจากแหล่งใดก็ตาม ควรเอามาปิดยอดสินเชื่อเงินกู้เหล่านี้ให้หมดก่อน เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่สูงพอๆกับวงเงินกู้โดยใช่เหตุ
3. การกู้ซื้อรถยนต์หรือสินเชื่อเงินกู้ก่อนกู้ซื้อบ้าน จะได้รับการพิจารณาอนุมัติยากขึ้น
นั่นเพราะว่าทางธนาคารมองว่าคุณมีภาระต่อเดือนค่อนข้างสูง อาจไม่มีศักยภาพมากพอที่จะผ่อนสินเชื่อบ้านกับทางธนาคารได้ ดังนั้น ทางที่ดี คุณควรปลดหนี้สินเชื่อเงินกู้ให้หมดเสียก่อน หลังจากนั้น ทำเรื่องกู้ซื้อบ้าน แล้วค่อยกู้ซื้อรถยนต์ภายหลัง
4. ไม่มีสลิปเงินเดือนก็สมัครสินเชื่อเงินกู้ได้
เพราะในการสมัครสินเชื่อเงินกู้นั้น เอกสารสำคัญที่ต้องใช้คือ สำเนาทะเบียนบ้าน,สำเนาบัตรประชาชน,ใบแสดงรายได้ ซึ่งหมายถึงสลิปเงินเดือน หรือ Statement คุณสามารถเลือกใช้หลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งได้ระหว่าง สองอย่างนี้
สลิปเงินเดือน ส่วนใหญ่ต้องการเพียงเดือนล่าสุด เพราะต้องการนำมายืนยันรายได้ปัจจุบันของคุณ ส่วน Statement ต้องคัดสำเนาย้อนหลัง 3-6 เดือน เพื่อใช้ยืนยันรายได้ว่ามีเข้ามาสม่ำเสมอหรือไม่
5. คุณสามารถขอให้สถาบันการเงินชี้แจงเหตุผลในการไม่อนุมัติสินเชื่อได้
หากทางธนาคารแจ้งผลมาว่าไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อเงินกู้ให้แก่คุณได้ คุณมีสิทธิ์ขอคำชี้แจงจากธนาคารนั้นๆได้ ว่าไม่อนุมัติเพราะเหตุใด ตามข้อตกลงที่กำหนดไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงค์ชาติ โดยทางธนาคารต้องทำจดหมาประทับตรา เพื่อชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ให้คุณได้รับทราบถึงเหตุผลที่ทางธนาคารไม่อนุมัติวงสินเชื่อเงินกู้ให้แก่คุณ
6. การทวงหนี้ด้วยวาจาและพฤติกรรมไม่เหมาะสมถือเป็นความผิดอาญา สามารถร้องเรียนได้
เมื่อคุณขาดการชำระหนี้ไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เจ้าหนี้จะทำการมอบหมาย หรือจ้างงานให้ฝ่ายกฎหมายหรือบริษัทกฎหมายทั่วไปเป็นฝ่ายติดตามทวงถามแทน ซึ่งบางบริษัทใช้วิธีกว้านซื้อหนี้เสีย ในจำนวนเงินต้น เพื่อทำสำนวนส่งศาลสำหรับทนายฝึกหัด หรือทำกำไรในรูปแบบอื่น
หากการติดตามทวงถามนั้นเป็นไปในทางเยาะเย้ย ถากถาง หรือขู่บังคับ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย คุณสามารถเก็บหลักฐานร้องเรียนฝ่ายติดตามนั้นได้ หากรุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ทางฝ่ายติดตามก็จะมีความผิดที่รุนแรงยิ่งขึ้น
7. ธนาคารมีสิทธิ์หักเงินในบัญชีเงินฝากของคุณที่ขึ้นอยู่กับธนาคารนั้นๆได้
ข้อนี้คงไม่ใช่ข่าวดีสำหรับคนที่กำลังคิดจะหนีหนี้ เพราะหากยอดเงินกู้นั้น ขึ้นกับสถาบันทางการเงินเดียวกันกับบัญชีเงินฝากของคุณ ทันทีที่มียอดเคลื่อนไหว เช่น เงินเดือนเข้าผ่านบัญชี ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินนั้นๆมีสิทธิ์หักยอดเงินในบัญชีของคุณจนกว่าจะครบตามจำนวนเงินที่คุณค้างชำระ
ซึ่งข้อตกลงนี้ปรากฏอยู่ในข้อสัญญาช่วงที่คุณเซ็นต์รับทราบตอนกู้นั่นแหละค่ะ ดังนั้น ต่อให้คุณร้องเรียนหรือแจ้งความในเรื่องนี้ กฎหมายก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้ เพราะคุณเป็นฝ่ายเซ็นต์ไปยินยอมเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจยื่นขออนุมัติ สินเชื่อเงินกู้ ควรคิดให้ดีก่อนทุกครั้ง โดยไม่ลืมคำนวณอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และข้อได้เปรียบ เสียเปรียบต่างๆที่คุณจะได้รับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าลืมประเมินความสามารถในการชำระคืนของตัวคุณเอง ว่ามีความพร้อมมากแค่ไหน
สินเชื่อทันใจ สมัครสินเชื่อ บัตรกดเงินสด วงเงินสูง อนุมัติไว คลิก!
