การลงทุนไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหนย่อมมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถรับมือกับมันได้มากน้อยแค่ไหน หนึ่งในรูปแบบการลงทุนที่อยากจะแนะนำสำหรับมือใหม่ นั่นคือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ นั่นเอง
วิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี 40 ที่ผ่านมาอาจจะทำให้ใครหลายคนขยาด ขลาดกลัวไม่กล้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อีก ทั้งที่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้นมีสภาพคล่อง และผลตอบแทนสูง วันนี้เราจึงมีคำแนะนำดีๆมากฝากกัน สำหรับผู้ที่กำลังสนใจอยากลงทุนในด้านนี้
1. เลือกรูปแบบการลงทุนที่ตรงใจ
การลงทุนมี 2 แบบก็คือ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของตนแล้วขาย หรือปล่อยให้เช่า เช่น การซื้อคอนโดหรูใจกลางเมืองไว้ปล่อยเช่าเป็นรายเดือน เป็นต้น แต่การปล่อยเช่าแบบนี้ต้องคิดให้ดีเพราะว่า เราไม่สามารถตรวจสอบ หรือคอยสอดส่องได้ตลอดว่าผู้เช่าจะดูแลห้องเช่า หรือบ้าน ได้ดีเท่ากับเราที่เป็นเจ้าของหรือไม่ สามารถไว้ใจได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้คัดกรองผู้เช่า อาจทำให้ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงหรือตกแต่งภายในใหม่ เพื่อให้ห้องเช่าหรือบ้านคงอยู่ในสภาพเดิม จึงแตกต่างกับแบบที่สอง ที่เป็นการลงทุนซื้อขายเก็งกำไร มีข้อดีตรงที่เราไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงแต่ถ้าซื้อมาแล้วขายไม่ได้ ก็ทำให้เสียโอกาสในการนำเงินไปลงทุนในรูปแบบอื่นเช่นกัน
2. เรื่อยๆแต่ไปได้ไกล
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถเติบโตได้ในอนาคต อย่างน้อยก็ไม่ได้มีข้อเสียทั้งหมด ตราบใดที่ที่อยู่อาศัยยังเป็น หนึ่งในปัจจัยสี่พื้นฐาน เพราะปัจจุบันประชากรภายในประเทศมีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทำให้ห้องพักหรือที่อยู่อาศัยยังเป็นที่ต้องการของตลาด หากอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ก็ยังสามารถปล่อยให้เช่าเพื่อทำกำไรได้
3. ต้นทุนสำคัญ
กฎของการขายนั้นไม่ว่าจะเป็น อะไรก็ตามแต่ ตั้งแต่ของชิ้นเล็กไปจนถึงของชิ้นใหญ่ ต่างก็ต้องมีต้นทุน ยิ่งต้นทุนต่ำเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นเท่านั้น อสังหาริมทรัพย์ก็เช่นกัน การป้องกันความเสี่ยงที่จะขาดทุนนั่นก็คือ ต้องซื้อมาในราคาต่ำ แล้วปล่อยเช่าหรือขายต่อในราคาที่สูงกว่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาจจะทำได้ยาก โดยเฉพาะการปล่อยเช่า เพราะเป็นการลงทุนที่มีการแข่งขันสูง มีการตัดราคากัน และผู้บริโภคมีทางเลือกเยอะ ฉะนั้นแล้วก่อนตัดสินใจลงทุน เราจึงต้องวิเคราะห์จุดแข็งของอสังหาริมทรัพย์ที่เราหมายตาเอาไว้ก่อน เพื่อลดโอกาสขาดทุน แม้ว่าราคาซื้ออาจจะได้มาถูก แต่ถ้าขายหรือหาผู้เช่าไม่ได้ ก็เท่ากับว่าเสียโอกาสในการทำกำไรจากเงินส่วนนี้ไป
4. อย่าเก็บไว้นาน
ถ้ามีโอกาสขายได้ให้รีบขาย อย่าเก็บไว้เพราะคิดว่าราคาจะสูงขึ้นอีก นานไปราคาอาจตก เนื่องจากมีการแข่งขันสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ผุดขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปี ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ช่วงเวลาที่จะทำกำไรได้นั้นมีอยู่ไม่มาก อย่าหวังน้ำบ่อหน้าจนพลาดโอกาสในการขาย
5. ลงทุนแบบนี้ ธนาคารชอบ
ถ้าเราต้องการขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อาจจะเป็นเรื่องยากอยู่สักหน่อยที่ธนาคารจะอนุมัติ แต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้นมีสภาพคล่อง เนื่องจากเป็นการลงทุนในปัจจัยพื้นฐาน ที่อย่างไรเสียก็ขายได้แน่ๆ ไม่ว่าจะขายในราคาสูงกว่าต้นทุน เท่าทุน หรือต่ำกว่าทุน ธนาคารจึงให้การสนับสนุนการลงทุนในส่วนนี้มากกว่าสินเชื่อแบบอื่น
6. ทางเลือกมีเยอะ
ไม่จำเป็นต้องมีเงินมากจึงจะลงทุนได้ ทางเลือกในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้นมีมากมายไม่แพ้การลงทุนในหุ้น โดยผู้ที่สนใจอาจจะขอกู้สินเชื่อจากทางธนาคาร โดยมีขั้นตอนเป็นไปตามระเบียบของทางธนาคาร อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มีงบประมาณน้อย และไม่ต้องการเป็นหนี้ในระยะยาวก็คือ การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในรูปแบบนี้ จะมีผู้บริหารกองทุนคอยดูแลผลประโยชน์แทนเรา โดยมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ มากกว่าการลงทุนเพื่อเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการลงทุน และวางใจให้มืออาชีพบริหารแทนเรา
7. มีใจรักในการลงทุน
ข้อสุดท้ายที่จะฝากกันไว้คือ ไม่ว่าจะลงทุนในรูปแบบไหน ก็ต้องมีใจรักก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงินในประเป๋า ผลตอบแทนที่ต้องการ ความเสี่ยงที่รับได้ และระยะเวลาในการลงทุนที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนก็ชอบลงทุนในหุ้น เพราะคาดหวังผลตอบแทนที่มากกว่า แต่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ หรือรับความเสี่ยงได้ต่ำอาจเปลี่ยนรูปแบบการลงทุน มาลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์แทน โดยก่อนการลงทุนทุกครั้งควรที่จะศึกษาข้อมูลให้ละเอียดเสียก่อน เพื่อลดโอกาสขาดทุน
ทั้งนี้ไม่ว่าคุณจะมีความคิดเริ่มที่อยากจะลงทุนประเภทใดก็แล้วแต่ ที่สำคัญเลยก็คือ คุณต้องสร้างความพร้อมให้กับตนเองก่อน ทั้งด้านเงินลงทุน และความรู้ เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของคุณได้ นอกจากนี้ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจน และเดินหน้าไปพร้อมๆกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ซึ่งจะเสริมให้การลงทุนของคุณแข็งแกร่ง และมีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น