หลายคนคงจะได้ติดตามผลงานมาอย่างมากมายเลย สำหรับนักแสดงสาว กัญญา ไรวินท์ เป็นนักแสดงชาวไทย เข้าสู่วงการเมื่อปี 2542 ปัจจุบันเธอเป็นดีเจที่มากด้วยความสามารถ เธอเป็นครอบครัวคนจีน คุณแม่เป็นคนไต้หวัน ส่วนคุณพ่อเป็นคนจีน หญิง กัญญา ไรวินท์มีความโดดเด่นด้านการแสดง เธอมีละครมากมาย อีกทั้งมากด้วยความสามารถด้านงาน และที่สำคัญคุณหญิง กัญญา ไรวินท์ ยังมีเทคนิคการเก็บเงินในฉบับของตัวเองที่บอกได้เลยว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เราจึงได้นำมายกตัวเอง เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจ นำไปดัดเปลี่ยน และเป็นแนวทางในการเก็บเงินในรูปแบบของตัวอีกด้วย
โดยจากข่อมูลที่หญิง กัญญา ไรวินท์ พิธีกรและดีเจคลื่นวิทยุที่มากด้วยความสามารถคนนี้ได้บอกกล่าวมานั้น ทางเราเชื่อได้เลยว่าจะเป็นประโยชน์แก้ผู้ที่กำลังต้องการแนวทางในการออมเงินเป็นอย่างมาก ซึ่งเทคนิคดังกล่าวนั้นเป็นเป็นประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตัวเธอเองให้ได้ฟังกัน โดยประสบการณ์การออมเงินของเธอหลายเรื่องที่ได้เล่าให้ ฟัง มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก จึงขอแอบเก็บ เทคนิคการออมเงินมาฝากสัก 3 ข้อ หากท่านผู้อ่านท่านใดจะนำไปประยุกต์ใช้บ้าง เพราะเชื่อได้เลยว่าเทคนิคที่ดีๆเหล่านี้เธอคงไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด
โดยข้อแรกที่ได้ฟังแล้วเกิดความรู้สึกว่ามันใช่เลยนั่นคือ คติในการออมเงินของคุณหญิงเอง ที่ว่า “เราไม่ควรใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” ซึ่งแนวคิดนี้ของเธอเหมือนกับนักลงทุนมืออาชีพหลาย ๆ คนเลยนะครับ โดยความหมายของประโยคนี้ก็คือ เราไม่ควรที่จะลงทุนในสินทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เราควรกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลาย ๆ ประเภท เพื่อเป็นกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน เช่น คุณหญิงจะเลือกกระจายความเสี่ยงโดยลงทุนในกองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ และ ประกันชีวิต เพราะแม้ว่าการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่น ๆ แต่ก็มีความไม่แน่นอนสูงด้วยเช่นเดียวกันกับการที่ลงทุนผ่านประกันชีวิตนั้น แม้ว่าผลตอบแทนจะไม่สูงเท่ากองทุนรวมหุ้น แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ประกันชีวิตแบบที่มีเงินคืนระหว่างสัญญาหรือครบกำหนดสัญญาก็ยังสามารถจ่ายผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เราสามารถนำประกันชีวิตบางแบบมาใช้ในการบริหารกระแสเงินสด ได้เป็นอย่างดี เป็นต้น
ต่อมาเป็นการลงทุนที่ไม่ควรที่จะมองข้ามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับแนวความคิดที่ว่า “เราไม่ควรลงทุนตามกระแส หรือลงทุนในสิ่งที่ไม่มีความชำนาญ” โดยคุณหญิงเล่าให้ฟังว่า เธอเคยซื้อหุ้นรายตัวด้วยตัวเอง โดยการซื้อหุ้นในครั้งนั้น เป็นการซื้อโดยที่ไม่มีความรู้หรือความเข้าใจในหุ้นที่ซื้อเลย แต่ที่ซื้อเพราะเป็นเพียงการซื้อตามเพื่อนหรือตามกระแสเท่านั้น และปรากฏว่าต่อมาหุ้นที่ซื้อไปนั้นก็ขาดทุน เนื่องจากเธอทำงานประจำจึงไม่มีเวลาติดตาม แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นอยู่ดี เธอจึงเปลี่ยนวิธีการลงทุนใหม่ โดยเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นแทน เพราะมั่นใจว่าอย่างน้อยกองทุนรวมต่าง ๆ ก็มีผู้จัดการกองทุนซึ่งเป็นมืออาชีพคอยบริหารจัดการให้ โดยผู้ลงทุนก็เพียงแต่คัดเลือกว่ากองทุนไหนที่มีอัตราผลตอบแทนที่ดี และสามารถเอาชนะตลาดได้ เธอจึงค่อยพิจารณาเข้าไปลงทุนเป็นกอง ๆ ไป หรืออย่างการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้น เธอก็เลือกที่จะไม่ลงทุนเลย เพราะขาดความชำนาญในการดูทำเลที่ตั้งว่าที่ตรงไหนที่เหมาะกับการเก็งกำไร เธอจึงเกรงว่าถ้าลงทุนไปแล้วจะเกิดการขาดทุนมากกว่าที่จะได้กำไร
และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือการเก็บออม โดยต้องคำนึงเสมอว่า “ออมก่อน รวยกว่า” คุณหญิงได้เล่าให้ฟังว่า จริง ๆ แล้วชีวิตของเธอมีจุดเปลี่ยนมากมาย จากชีวิตลูกคุณหนู เคยขับรถมาเรียนที่มหาวิทยาลัย ต่อมาได้เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น ครอบครัวของเธอก็ต้องเป็นหนี้มากมาย จนต้องขายบ้าน ขายรถ บางครั้งเวลาเธอมาเรียนที่มหาวิทยาลัย เพื่อน ๆ ยังต้องช่วยกันแชร์ค่าอาหารกับเธอเพื่อประหยัดค่าข้าว หรือต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านแทน จนต่อมาคุณหญิงได้มีโอกาสเข้าวงการบันเทิง จึงทำให้มีรายได้มากขึ้น เธอจึงตั้งใจทำงานหนักเพื่อช่วยที่บ้านชดใช้หนี้สิน
และเมื่อหนี้สินลดลง การใช้ชีวิตจึงเริ่มเข้าที่ เธอก็เลยมีการวางแผนตั้งเป้าหมายที่จะเกษียณอายุจากการทำงานให้ได้ตอนเธออายุ 45 ปี แล้วหลังจากนั้นก็หวังจะให้เงินทำงานแทน ส่วนตัวเธอก็จะรอรับผลตอบแทนจากการลงทุนต่าง ๆ เธอจึงเริ่มมีการศึกษา และวางแผนการลงทุนโดยมีที่ปรึกษาทางการเงินมาให้คำแนะนำตั้งแต่เริ่มต้นเข้าวงการบันเทิง ซึ่งเธอเองก็พยายามปฏิบัติตามแผนที่วางไว้มาโดยตลอด และเธอยังบอกด้วยว่าเมื่อเปรียบเทียบกับดาราอีกหลาย ๆ คนที่เข้าวงการพร้อม ๆ กัน แม้ในช่วงแรกเธออาจจะได้ค่าตัวน้อยกว่า แต่ถึงตอนนี้เธอก็มั่นใจว่าเธอมีเงินออมมากกว่าดาราอีกหลาย ๆ คนที่ไม่รู้จักการออมเงิน และไม่ได้เริ่มต้นออมเงินตั้งแต่เข้าวงการ
เป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์มากๆเลยทีเดียว และเป็นไอดอลในการออมเงินของใครหลายๆคนเลยทีเดียวนะคะ แล้ววันนี้คุณล่ะได้ทำการริเริ่มที่จะออมเงินกันบ้างหรือยัง เพราะหากว่ายังคุณต้องรีบแล้วนะคะ เพราะเริ่มออมก่อนนั่นแปลว่าคุณจะเข้าใกล้ขอบเส้นความร่ำรวยก่อนนั่นเอง