หนี้สิน ก็เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน การยืมเงินจากผู้อื่นนั้นก็เรื่องหนึ่งแต่การนำเงินไปใช้กับอะไร เรื่องหลังอาจจะดูมีความสำคัญมากกว่า การก่อหนี้จึงถูกแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ ได้แก่ หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ การยืมเงินผู้อื่นมา แน่นอนว่าจะต้องมีระยะเวลาการชำระเงินคืนตามกำหนดพร้อมชำระดอกเบี้ยตามอัตราและระยะเวลาที่กู้ยืมไป เมื่อมีการคิดดอกเบี้ยเช่นนี้แล้ว หลังจากการกู้ยืมเงินมาได้แล้วจึงต้องขยันทำงานให้มากขึ้นอย่างน้อยสองเท่าตัวและยังต้องใช้เงินไปอย่างคุ้มค่าที่สุด ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักหนี้ทั้งสองประเภทกัน
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเรามักจะนำเงินไปใช้ในสิ่งละอันพันละน้อย คือใช้ไปเรื่อย ๆ โดยมากหนี้ชนิดนี้มักจะเกิดจากการรูดใช้บัตรเครดิต การผ่อนชำระค่าสินค้า 0% 10 เดือน หรือการขอสินเชื่ออนุมัติไว กดง่ายของ่าย คือเป็นสินเชื่อที่อนุมัติไวหรืออัตโนมัติรวดเร็วถูกใจผู้ใช้แต่ก็ดอกเบี้ยสูงมากเช่นกัน เพราะว่าเป็นช่องทางที่กดได้ง่าย เบิกได้ผ่านตู้ ATM ทำให้คนเรามักใช้สินเชื่อชนิดนี้ไปกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยไม่รู้ตัว เช่น ซื้อสินค้าราคาแพง สินค้าแบรนด์เนม เครื่องใช้ไฟฟ้า ท่องเที่ยว หรือโทรศัพท์มือถือใหม่ ของเหล่านี้สร้างความสุขและความพึงพอใจให้กับคนเราได้ก็จริง แต่ก็ถือว่าเป็นของที่ไม่ได้มีความรีบด่วนในการใช้และเป็นของที่ควรจะมีเงินเย็นเหลือใช้แล้วนำเงินสดมาซื้อจะดีกว่า เนื่องจากซื้อมาแล้วส่วนใหญ่จะนำมาใช้ด้านความบันเทิงหรือเพื่อการประดับร่างกายโดยไม่ได้ช่วยก่อให้เกิดรายได้โดยตรง อย่างดีก็อาจจะช่วยส่งเสริมบุคลิกทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้คงไม่มีรายการใดถูกจัดว่าเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งหมด อยู่ที่เหตุผลและความจำเป็นของผู้ใช้แต่ละคน
หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้
การกู้ยืมเงินเพื่อการสร้างธุรกิจหรือการศึกษาถูกจัดว่าเป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ แต่ก่อนจะสร้างหนี้ควรจะพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ให้แน่ชัด โดยต้องมั่นใจว่ามีความคุ้มค่าที่จะกู้ยืมเงินมาหลังจากการพิจารณาทางเลือกการหาเงินด้วยวิธีอื่น ๆ แล้ว จริงอยู่ว่าคนเราไม่ควรจะเป็นหนี้โดยไม่จำเป็น แต่ก็มีบางคนในบางสถานการณ์ที่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินลักษณะนี้ การนำเงินไปสนับสนุนการศึกษาเพื่อให้เรียนจบตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย การนำเงินไปสมัครอบรมความสามารถทางวิชาชีพเพิ่มเติม หรือนำเงินไปลงทุนในการสร้างธุรกิจให้เติบโตและมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือซื้อเครื่องจักรใหม่ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ถือว่าเป็นหนี้ที่ดีเพราะว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากการนำเงินไปลงทุนนั้นย้อนกลับมาในด้านของความรู้และวิธีการต่าง ๆ ที่จะทำให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองขึ้น สามารถผลิตของหรือสินค้าออกมาได้อย่างมีคุณภาพดีขึ้น ได้ปริมาณมากขึ้นและนำรายได้ย้อนกลับมาให้ได้ในที่สุด อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างหรืออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี การชำระค่าอสังหาริมทรัพย์ยังสามารถหักเงินลดหย่อนก่อนการคิดภาษีได้ถ้าเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด เมื่อระยะเวลาผ่านไปหลาย ๆ ปี ถ้ามีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ถนน รถไฟฟ้า ผ่านบริเวณใกล้เคียงอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็จะมีราคาประเมินที่สูงขึ้นทำให้หากขายต่อก็จะได้กำไรเป็นเงินก้อนโตที่สามารถนำไปลงทุนในธุรกิจได้อีก
ไม่ว่าคุณจะกู้เงินสร้างหนี้สินประเภทใดก็ตาม จะก่อให้เกิดรายได้หรือไม่ ก็ต้องไม่ลืมหลักของการก่อหนี้ โดยคำนึงถึงความสามารถชำระเงินของตนเองเป็นหลัก เพราะมีวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ดีอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ต้องสามารถจ่ายชำระคืนได้ตามกำหนดด้วย สัดส่วนของยอดหนี้ที่กู้มานั้นเมื่อคิดเป็นค่าผ่อนงวดรายเดือนแล้วก็ไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้แต่ละเดือน หรือจะดีกว่านั้นถ้าจำกัดวงเงินที่สามารถชำระได้ต่อเดือนไม่เกิน 20% ของเงินเดือน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ชีวิตมีความตึงตัวทางการเงินมากเกินไป เช่น มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน ก็ไม่ควรมีค่าผ่อนชำระหนี้สินทุกประเภทรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 6,000 บาทต่อเดือน เพื่อที่คุณจะได้พอเหลือเงินเก็บออมและค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ บ้างตามสมควร
สำหรับผู้ที่มีนิสัยการก่อหนี้เพื่อความบันเทิงหรือตอบสนองความต้องการส่วนตัวแล้วก็ควรจะปรับเปลี่ยนทัศนคติ โดยจะต้องไม่ก่อหนี้โดยไม่จำเป็น เพราะหนี้สินที่ยืมมาล้วนต้องชดใช้คืนเจ้าหนี้ ถ้าเลือกได้ควรหาหนทางอื่น ๆ ก่อนการก่อหนี้ ลองดูสักครั้งแล้วคุณจะพบว่าการใช้เงินสดซื้อทีวีใหม่หรือซื้อของที่ต้องการให้เป็นรางวัลตัวเองนั้นทำให้มีความสุขมากกว่าการผ่อน 0% 10 เดือนมากนักเพราะคุณจะได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวลถึงภาระหนี้ในแต่ละเดือน
การใช้ชีวิตของคนจำนวนมากในสังคมหรือการดำเนินธุรกิจของบริษัทก็ตาม ล้วนต้องมาเกี่ยวข้องกับระบบกู้ยืมเงินได้ในวันใดวันหนึ่ง การตั้งวางวัตถุประสงค์จึงเป็นด่านแรกที่ต้องกำหนดให้ชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าจะใช้เงินไปในทางที่เป็นประโยชน์ โดยเป็นหนี้ประเภทที่ก่อให้เกิดรายได้อย่างแท้จริง จึงจะนับว่าเป็นการก่อหนี้อย่างฉลาดโดยคำนึงถึงผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต การตั้งจุดประสงค์จะทำให้เราตระหนักอยู่เสมอว่าเรากู้หนี้ก้อนนี้มาเพื่ออะไรและเตือนตนเองในการจัดการใช้เงินที่ยืมมานั้นให้เป็นไปตามแผนและจุดประสงค์ที่กำหนดไว้
อยากมีวงเงินไว้ลงทุน ไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน สมัครบัตรเครดิต >> คลิก <<