ถือว่าเป็นเจ้าพ่อชาเขียวเลยก็ว่าได้ สำหรับ เสี่ยตัน ภาสกร นที เขาคนนี้ถือว่าเป็นระดับนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งที่มีหลักคิด แนวคิดธุรกิจ ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ธุรกิจชาเขียวของเขานั้นมียอดขายที่ดีกว่าของเจ้าอื่น และติดตลาด ซึ่งปัจจุบันนี้คุณตันได้เป็นผู้บริหารอาวุโสของ บริษัท ไม่ตัน จำกัด มหาชน ซึ่งชีวิตและเส้นทางการมาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ ถ้าไม่ไปทำความรู้จักเสียหน่อยก็ไม่ได้แล้ว
ตัน ภาสกร นที เป็นคนจังหวัดชลบุรี เกิดเมื่อ วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2504 ซึ่งชีวิตของเขานั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ตรงที่ เขาเป็นคนที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชอบค้าขายมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่ทำงานหนักมาก จนมีสิวขึ้นเต็มใบหน้าไปหมด ทำให้เพื่อนๆนั้นเริ่มออกห่าง ไม่ค่อยยุ่งกับเขาเท่าไร เมื่อคุณตันเรียนจบชั้น ม.3 ก็ออกมาทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ที่บริษัทซากุระ หน้าที่พนักงานโกดัง ทำทุกอย่างตรงนั้น ขนของ เก็บกวาดโกดัง ด้วยความที่เป็นคนขยันขันแข็งมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขามาทำงานก่อนที่บริษัทจะเปิด และกลับบ้านตอนที่บริษัทปิดเป็นอย่างนี้ทุกวัน ถือว่าเป็นคนที่ขยันคนหนึ่ง และด้วยความขยันและความกล้าแสดงออก เมื่อมีงานอะไร คุณตันจะเป็นคนเสนอตัวเองเข้าไปช่วยเหลือตลอด ต่างกับพนักงานทั่วไปที่ทำหน้าที่ตัวเองเสร็จก็จบ ทำให้ทางผู้ใหญ่เห็นถึงความตั้งใจ และเลื่อนขั้นให้คุณตันเป็นผู้จัดการแผนก ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นผู้จัดการแผนกที่อายุน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้
เมื่อเวลาผ่านไป คุณตันก็ได้ลาออกมาเปิดร้านขายหนังสือแถวย่านชลบุรี ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกต ช่างจดช่างจำรายละเอียดของลูกค้าว่าชอบหนังสือเล่มไหน เมื่อลูกค้ามา เขาก็จะหยิบใส่ถุงให้ทันที ทำให้ในย่านนั้น ร้านคุณตันเป็นร้านที่ขายดีที่สุด
คุณตันได้ย้ายไปอยู่กรุงเทพหลังจากที่แต่งงาน และเปลี่ยนธุรกิจมาเป็นเปิดร้าน wedding แต่ผลประกอบการไม่ดีนัก แต่ก็กลับมารุ่งเรื่องได้อีกครั้ง ด้วยการที่เขาเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มองอะไรไม่มองเพียงแค่อย่างเดียว และเขาไม่เคยท้อ เมื่อกิจการ wedding เริ่มดีขึ้น เขาเริ่มขยับขยาย มาจับทางทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็มีขาดทุนบ้าง ด้วยความที่เป็นคนมุ่งมานะ เขาก็ได้สู้จนสำเร็จ
และด้วยความที่เป็นผู้ที่มีความฉลาดหลักแหลม เขาก็ได้ไปจับทาง ธุรกิจเครื่องดื่ม และได้สร้างกำไรให้เขาเป็นกอบเป็นกำ ทำให้ใครๆหลายคนรู้จักเขาในนาม ตัน อิชิตัน และเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เขาได้ขายหุ้นของบริษัทให้กับบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ และเขาได้มาก่อตั้งบริษัทใหม่ ชื่อ ไม่ตัน จำกัดมหาชน ซึ่งก็ยังคงเป็นตลาดเครื่องดื่มเช่นเดิม แต่เป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ซึ่งยอดขายของเขานั้น ก็ยังคงขายดีเช่นเดิม เขาจะมีกลยุธการขายที่ไม่เหมือนใคร
นอกจากธุรกิจเครื่องดื่มแล้ว เสี่ยตันนั้นยังมีธุรกิจ ร้านอาหารบุฟเฟ่ โออิชิ อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นร้านอาหารที่เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่ชอบทานอาหารบุฟเฟ่อย่างมาก ทำให้ทำธุรกิจได้ดี
คุณตันมีแนวคิดทางธุรกิจที่ว่า “ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ คือ เมื่อมีคนบอกไม่ดีนั้นแหละคือโอกาสของเรา” เขาจึงใช้คำเหล่านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของเขา ถ้ามองย้อนไปจนถึงวันนี้ ทั้งธุรกิจชาเขียว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอาหารบุฟเฟ่ และอีกมากมาย
คุณตันได้เผยถึงเคล็ดลับของความสำเร็จให้เราได้ทราบว่า เขาได้นำประสบการณ์ที่พบมาและมาบอกกล่าว แนวคิดธุรกิจ คือ เลือกธุรกิจในอนาคต คือ
- เราจะต้อง มองให้ออกถึงอนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างแล้วจึงเลือกทำธุรกิจตัวนั้น “ทำเลดีมีชีวิต” คุณตันได้เล่าถึงเมื่อสมัยที่เปิดร้านขายหนังสือ ที่เขาได้ไปเปิดร้านไว้ใกล้กับ บ.ข.ส. ที่มีรถหมุนเวียนมาถึงเที่ยงคืน และบริเวณ รอบๆนั้นก็ยังมีร้านอาหาร ทำให้มีคนหมุนเวียนมาตลอด
- “การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า” คือ ต้องสังเกตพฤติกรรมกับลูกค้า ต้องสร้างสัมพันธ์อันดีเอาไว้ เช่น ตอนที่เปิดร้านหนังสือ คุณตันจะจำได้ว่า ลูกค้าคนไหนชอบหนังสืออะไร
- “ไม่ยึดติดในความคิดเก่าๆ” คือ ต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ พยายามคิดนอกกรอบ และไม่คิดอะไรซ้ำ
- และสุดท้ายคือ “ใช้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์” คือ เมื่อทำงานแล้วมันล้มเหลว เราก็จะต้องรู้ว่าเพราะอะไร ต้องเอามาเป็นประสบการณ์ให้ได้ ใช่ว่าจะล้มเหลวต่อไปเรื่อยๆ แต่จะต้องรู้จักแก้ปัญหาและฝ่าฟันไปให้ได้
จากเรื่องราวของคุณตันนั้น เราจะเห็นได้ว่าเขาเป็นคนที่ชอบสังเกต ชอบจดจำ ทำให้งานทุกชิ้นที่เขาทำนั้นประสบความสำเร็จ ดังที่คุณตันได้กล่าวไว้ว่า “ผมคิดว่าคนเราคงไม่สามารถคิดอะไรเองได้หมดทุกอย่าง ผมจึงนำสิ่งที่ได้เห็นได้สัมผัสและได้นำมาพัฒนาให้ดีกว่าเดิมและทุกครั้งที่ผมทำก็จะต้องมีความสุขด้วยทุกครั้ง” ซึ่งจากคำกล่าวนี้ เราว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ของคุณตันนั้น จากมาจากการช่างสังเกต ช่างจดจำทั้งนั้น เลย
จากการที่เราได้รู้จัก แนวคิดธุรกิจ และเรียนรู้จากประสบการณ์ของ เจ้าพ่อ ชาเขียวคนนี้ ขอบอกเลยว่า ไม่ธรรมดาจริง ๆ ล่าสุดมีข่าวว่าคุณตันนั้น ได้ก่อตั้ง มูลนิธิ ตันปัน เพื่อมอบโอกาสส่งต่อให้คนอื่นๆบ้าง เห็นอย่างนี้แล้ว เป็นทั้งนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่และมีใจบุญด้วย ถึงว่าล่ะ รวยเอาๆ