ค่านิยมของคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้สังคมไทยเปลี่ยนไป หนุ่มสาววัยทำงานต่างมีรสนิยมที่สูงขึ้น ทั้งๆที่รายได้ไม่สูงเท่า หมดยุคที่ต้องทานอาหารจากร้านค้าริมทาง เปลี่ยนไปทานในห้างเพื่อรับแอร์เย็นๆและเพื่ออัพโปรไฟล์ บางคนใช้เงินอย่างไม่นึกถึงวันพรุ่งนี้ ขาดความยับยั้งชั่งใจก่อนทุกครั้ง ส่งผลให้เกิดสภาวะล้มเหลวทางการเงินในวงกว้าง
หนี้สินจากบัตรเครดิต หากใช้ไม่ถูกวิธี ก็สามารถสร้างหนี้ได้อย่างมหาศาล มีหลายท่านที่เงินเดือนหมดไปกับการใช้หนี้ จนต้องก่อหนี้สินใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บทความนี้จะช่วยแนะนำวิธี ชนะหนี้ อย่างง่ายๆที่สามารถทำตามได้ได้ไม่ยาก ตามหัวข้อต่างๆดังนี้
1. ลดหนี้เก่า ไม่เพิ่มหนี้ใหม่
หนี้สิน ถือเป็นสิ่งแรกที่ควรกำจัด คุณควรไล่ปิดยอดหนี้สินคงค้างโดยไม่สร้างหนี้ขึ้นมาใหม่ บางคน ต้นเดือนก็ใช้หนี้จนหมดเงินแล้ว ผ่านต้นเดือนไปไม่ถึงสัปดาห์ ก็กดเงินสดจาดบัตรเครดิตออกมาใช้ใหม่ กลางเดือนก็รูดบัตรอีกหลายใบ ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยพุ่งกระฉูด วนเวียนอยู่แบบนี้จนเพิ่มภาระหนี้พอกพูนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
บางคนยืมเงินคนรอบข้างตั้งแต่ต้นเดือน พอปลายเดือน ยอดหนี้ที่ชำระก็มีมากขึ้น จนในที่สุด ก็ต้องทนทำงานไปวันๆ เพื่อหารายได้มาชำระหนี้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น บริษัทปิดกิจการ ไม่มีงานรองรับ คุณจะลำบากมากๆในช่วงเวลานั้น เพราะไม่มีเงินสำรองติดตัวอยู่เลย
ดังนั้น คุณควรอดทน ทยอยชำระหนี้เก่าคืน โดยไม่เพิ่มหนี้ใหม่ หากภาระนี้เกินกำลัง แนะนำให้ใช้บริการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิต ตามสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งทางธนาคารจะทำการปิดหนี้สินของทุกบัตรให้คุณ แล้วโอนยอดหนี้ทั้งหมดมาเป็นยอดเดียว เพิ่มระยะเวลาผ่อนชำระคืนให้นานขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดภาระด้านค่าใช้จ่าย และดอกเบี้ยอัตราสูงของบริษัทเหล่านั้น
วิธีนี้ถือว่าช่วยแบ่งเบาได้มากพอสมควร ในยามที่คุณติดปัญหาด้านการเงิน ก็ชำระคืนในจำนวนขั้นต่ำไปก่อน หากมีเยอะกว่าเดิม ก็เพิ่มยอดชำระคืนเข้าไป ไม่นาน คุณก็จะหมดภาระ แต่มีข้อควรระวังอย่างยิ่งคือ คุณต้องควบคุมตนเองไม่ให้ใช้บัตรเครดิตเหล่านั้นโดยขาดการยั้งคิด เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็จะวนกลับมาตั้งต้นใหม่อย่างไม่รู้จบ
2. อย่าทำตัวเป็นคนที่มีรายได้ต่ำ แต่รสนิยมสูง
หน้าตาทางสังคม และการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยเกินฐานะ ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าคุณเป็นคนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ตรงกันข้าม คุณอาจกลายเป็นบุคคลล้มละลายจากหนี้บัตรเครดิตหลายใบที่คุณสร้างไว้ก็ได้ ใครจะรู้
ทุกวันนี้มนุษย์เงินเดือนมักจะใช้ชีวิตกันแบบผิดๆ สร้างค่านิยมใหม่ทางสังคม ด้วยการใช้สินค้าราคาแพง แต่คุณภาพไม่สมราคา เพื่อยกระดับตัวเองให้ดูดีในสายตาเพื่อนร่วมงาน และคนในสังคม ซึ่งถือเป็นการใช้เงินในทางที่ผิด เพราะคุณกำลังใช้เงินเพื่อบุคคลอื่น ใช่เพื่อผลประโยชน์ของตัวคุณเอง
การใช้เงินคือการลงทุน หากคุณต้องการเสื้อผ้าที่ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพให้ดูโดดเด่น ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สินค้าแบรนด์ดังเสมอไป คุณอาจจะเลือกที่การตัดเย็บ และสไตล์ที่เหมาะสมกับคุณแต่มีราคาย่อมเยากว่ามากน่าจะเหมาะสมกว่า อย่าลืมว่าเวลาที่คุณขัดสน เพื่อนร่วมงานหรือบุคคลรอบตัวที่ดูหรูหรา อาจช่วยคุณไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถช่วยตัวเองได้เลย
ดังนั้น คุณจึงควรปรับพฤติกรรมให้อยู่บนโลกความจริง ใช้เงินให้เหมาะสมกับรายได้ มีเงินเหลือฝากธนาคารไว้บ้าง เผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เพื่ออนาคตทางการเงินที่มั่งคั่งของตัวคุณเอง
3. ยิ่งชำระมากขึ้น ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมก็ยิ่งลดตาม
ซึ่งทุกสถาบันการเงินล้วนเป็นแบบนี้กันทั้งสิ้น หากคุณยังชำระค่าบัตรเครดิตด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำในทุกๆเดือนอยู่แบบนี้ หนี้สินของคุณก็ไม่มีวันหมดเร็วขึ้นตามที่คุณคาดหวังไว้อย่างแน่นอน
เคยสังเกตไหมคะว่า ทันทีที่เราชำระยอดเงินขั้นต่ำไปแล้ว ยอดเงินนั้นจะถูกหักคืนเป็นเงินต้นต่ำกว่าครึ่งเสียอีก นั่นเป็นเพราะว่า ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมกินยอดเงินชำระของคุณไปแล้วนั่นเอง ซึ่งถ้าคุณสมัครใจที่จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ก็ขอให้คุณโชคดีแล้วกันค่ะ เพราะหากคุณเพิ่มยอดเงินชำระขึ้นมาอีกสัก 10% เงินต้นของคุณจะถูกปลดภาระไปมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
4. ขายทุกอย่างที่เกินความจำเป็น
เสื้อผ้าที่ซื้อมาสะสมจนล้นตู้ แต่ชุดที่ชอบจริงๆกลับมีอยู่แค่ไม่เท่าไหร่ เก็บไว้ก็เปลืองพื้นที่และค่าขนย้ายเปล่าๆ ดังนั้น การโพสต์ขายทางอินเตอร์เน็ต เห็นจะเป็นวิธีที่เหมาะที่สุด เพราะสามารถขายได้หมดในเวลาอันรวดเร็วและสามารถต่อรองราคาได้สูงกว่าตลาดทั่วๆไป
ดังนั้น อย่าลืมสำรวจข้าวของส่วนตัวของตนเองที่เข้าข่ายฟุ่มเฟือย เช่นรองเท้า กระเป๋าแบรนด์ดัง ของสะสมต่างๆ ที่เก็บไว้ก็รกห้องรกบ้านเสียเปล่าๆ ลองเอาออกมาจัดวางดีๆ ถ่ายรูปให้ออกมาน่าดึงดูดที่สุด แล้วโพสต์ขายตามเฟสบุ๊ค หรือเว็ปไซต์ฟรีที่มีบริการอยู่มากมายตามโลกอินเตอร์เน็ต
ซึ่งทันทีที่ได้รายได้จากการซื้อขายในครั้งนี้มาแล้ว คุณก็ไม่ควรใช้จ่ายจนหมดสิ้น แต่นำไปปิดยอดหนี้สิน หรือทยอยจ่ายเพิ่มเข้าไปเพื่อลดจำนวนเงินต้นก็ได้ค่ะ อย่าลืมว่ายิ่งเราจ่ายมากขึ้น เราก็จะ ชนะหนี้ หมดภาระด้านหนี้สินได้เร็วขึ้นเช่นกัน และเมื่อถึงวันนั้น คุณก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระโดยไม่มีห่วงหรือกังวลใดๆมากวนใจอีก