ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปอย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นเป็นการยากเป็นอย่างมากเลยที่เราจะบริหารเงินได้ดี หรือได้อย่างประหยัดในช่วงวัยเรียน ดังนั้นวันนี้เรามาพร้อมกับวิธี การบริหารเงิน อย่างง่ายๆ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และวัยเริ่มทำงาน เนื่องจากหนุ่มสาววัยนี้มีโอกาสมั่งคั่งร่ำรวยได้มาก เนื่องจากมีทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดในจักรวาล ทรัพยากรที่ว่านี่ก็คือ “เวลา” นั่นเองครับ
เพราะระยะเวลาของคนที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนมหาวิทยาลัยจนถึงเกษียณนั้นก็มีเวลาถึงประมาณ 35-40 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควรที่จะวางแผนและทำให้เป้าหมายต่างๆ ในชีวิต ให้เป็นจริงได้ไม่ยาก ถ้ามีการวางแผนการเงินดีๆ ก็จะสามารถเกษียณด้วยเงินหลักสิบล้านหรือร้อยล้านด้วยซ้ำไป ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมครับ งั้นเรามาดูว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และมีเคล็ดลับอะไรที่จะทำให้เรามีความมั่งคั่งในอนาคตได้ครับ
1. สูตรลับที่ 1 “ต้องรวดเร็ว”
เพื่อเพิ่มเวลา อยากจะบอกว่าผมรู้สึกอิจฉาเด็กๆ สมัยนี้จริงๆ เนื่องจากการจัดสรรและบริหารเงินนั้นทำได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะในสมัยก่อนการจะทำธุรกรรมทางการเงินนั้นจะต้องไปทำที่ธนาคาร ซึ่งจะเสียเวลาในการเข้าคิวเป็นชั่วโมงๆ รวมทั้งเทคโนโลยีด้านการเงินการธนาคาร หรือการเข้าถึงการลงทุนเป็นไปได้ค่อนข้างยาก บางคนก็คิดจะเก็บเงินไว้กับตัวเอง แต่ข้อเสียคือ ถ้าจิตใจไม่แข็งแกร่งพอก็มีโอกาสที่จะหยิบออกมาใช้จ่ายได้สูงเรียกได้ว่าโอกาสในการสะสมเงินให้ร่ำรวยนั้นมีไม่มากแต่ปัจจุบันมีการพัฒนาบริการทางการเงินที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต บัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง ที่มาพร้อมกับความสะดวกคล่องตัว ช่วยให้จัดการเรื่องการเงินได้ง่ายๆ ทุกที่ ทุกเวลาทั้งทางคอมพิวเตอร์ และไอแพด โดยที่เราก็อาศัยตัวช่วยเหล่านี้ใน การบริหารเงิน ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะโอน จ่าย หรือชำระค่าบริการต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างสบาย เท่านี้การแบ่งเงินหรือจะทำบัญชีใช้จ่ายก็ไม่ยาก เนื่องจากมีรายการบันทึกการใช้เงินให้อย่างละเอียดด้วย ใครว่าเรา “ซื้อเวลาไม่ได้” โลกปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก ถ้าเรามัวแต่ทำธุรกรรมแบบเดิมๆ ก็เหมือนกับปล่อยเวลาให้หมดไปโดยเปล่าประโยชน์ และถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องไปต่อคิวกับคนอื่นๆ อีกแล้ว เราก็จะมีเวลามากขึ้นหรือ เราได้ทรัพยากรทางเวลากลับคืนมา เหมือนกับการ “ซื้อเวลา” นั่นเองครับ แล้วเราก็จะมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น เช่น มีเวลาอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาตนเอง ทำงานพิเศษหาเงินเพิ่ม
2. สูตรลับที่ 2 “ต้องหาตัวช่วย”
เพื่ออดออม เรามักจะได้ยินใครหลายๆ คนพูดไว้ว่าการที่เราจะรวยได้ ต้องรู้จักอดออม และขยันหารายได้เพิ่ม ซึ่งการลดค่าใช้จ่ายลงน่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่าการเพิ่มรายได้ พวกเราก็แค่อดและทนต่อกิเลสเท่านั้นเอ๊ง!! แต่หลายๆ คนคงจะคิดว่า จะทำได้อย่างไร ก็มันอยากได้นี่หว่า ยิ่งเห็นป้าย Sale ตัวใหญ่ๆ ใจมันก็สั่นอยู่ดี แต่ก็พอที่จะมีวิธีช่วยได้คือ
– เราต้องพิจารณาก่อนซื้อสินค้า รู้จักเปรียบเทียบสินค้า และการจดรายรับรายจ่าย ก็เพื่อจะได้ทราบว่าเรามักจะเสียเงินไปกับเรื่องอะไร ก็พอที่จะลดความอยากได้บ้าง แต่ผมบอกเลยว่าวิธีแรกนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดแต่ไม่ค่อยมีคนทำ!! ดังนั้นเรามาดูอีกวิธีครับ
– ต้องหาตัวช่วยถ้าในกรณีที่เราเองไม่สามารถหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นได้ แต่ว่าการลดค่าใช้จ่ายลงในสมัยนี้ก็ไม่ได้หมายถึงการประหยัด หรืออดเพื่อออมอย่างเดียวเท่านั้นนะ แต่ยังหมายถึงการรู้จักเลือกใช้บริการทางเงินที่เหมาะและตรงตามความต้องการของเราด้วย เช่น ถ้าเราต้องเดินทางบ่อยๆ ด้วยรถไฟฟ้า เราก็สามารถเลือกใช้บัตรเดบิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ประมาณว่ามีบัตรเดียวรวมทุกความสะดวกทุกอย่าง เช่น บัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ที่สามารถใช้เป็นบัตรเอทีเอ็ม ใช้เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสและบีอาร์ทีได้ในบัตรเดียว แถมทุกครั้งที่ใช้บัตรชำระค่าสินค้าด้วยมูลค่าแรบบิทที่เติมอยู่ในบัตรก็จะได้รับส่วนลดราคาสินค้าและคะแนนสะสมแครอท รีวอร์ดส เพื่อเอาไปแลกรับของรางวัล และยังใช้บัตรเพื่อรับสิทธิพิเศษจากร้านค้าต่างๆ เรียกได้ว่าทั้งสะดวกและยังประหยัดได้อีกด้วย
3. สูตรลับที่ 3 “ต้องง่าย”
เพื่อให้งอกเงย หลังจากที่เรารู้จักวิธีการอดออมที่ดีเป็นที่เรียบร้อย เราก็มาสู่การต่อยอดการลงทุน สำหรับน้องๆ ที่เพิ่งเรียนจบใหม่หรือเพิ่งเริ่มทำงานนั้น ถ้ารู้จักเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยก็มีโอกาสที่จะเกษียณอย่างมั่งคั่ง ร่ำรวยได้อย่างง่ายๆ เลย เพียงแค่นำเงินเดือนที่ได้มาลงทุนกับกองทุนรวมที่มีผู้เชี่ยวชาญมาคอยจัดการการลงทุนให้ ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านสมาร์ทโฟนหรือไอแพดอย่างสะดวก เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น บัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง จะเช็คมูลค่าเงินลงทุนหรือจำนวนหน่วยลงทุนคงเหลือ จะซื้อและขายกองทุนรวมประเภทกองทุนเปิดทั่วไป และประเภท RMF/LTF ที่เอาไว้ลดหย่อนภาษีก็ทำได้ง่าย เรียกได้ว่า “มั่งคั่งร่ำรวยได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส” และเรียกได้ว่า “รวยได้ทุกที่ ทุกเวลา”