เมื่อไหร่ที่เงินไม่พอใช้ หรือเงินไม่พอสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการลงทุนนั้นก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ไม่มีเงินมากเพียงพอก็จะมีการกู้ยืมเงินนั่นเอง แต่การกู้เงินดีหรือไม่ดี แล้วจะต้องเสียอะไรบ้างนั้นเรามาดูตัวอย่างบทสนทนาของแอนนากับนีโน่ที่อยากจะกู้เงินเพื่อเป็นทางออกหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิตกันเลยดีกว่า
แอนนา: นี่โน่ช่วงนี้เงินเราฝืดจังเลยอะ เพราะว่าตอนนี้เรากำลังทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ กำลังเปิดร้านอาหารนี่แหละ แต่ว่าเงินที่นำมาใช้มันไม่พอ เราเลยอยากจะหาเงินซักก้อนหนึ่งมาช่วยเป็นเงินก้อนที่ส่งเสริมการขายอะ จะได้ขายดีมากขึ้น แต่ไม่รู้จะไปหายังไงดี เธอช่วยฉันคิดหน่อยสิ
นีโน่: อ่าว..ไหงเป็นอย่างนั้นซะละ ก็ตอนที่เธอเปิดร้านอาหารเธอไม่ได้เตรียมเงินสำรองไว้หรอกเหรอ ตามหลักแล้วมันต้องมีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายด้วยนะ
แอนนา: ฉันเตรียมไว้นะ แต่ว่ามันไม่พอ เพราะว่ามันเป็นเงินจำนวนนิดหน่อยเอง ฉันเลยอยากจะได้เงินซักก้อนหนึ่งมาช่วยนี่แหละ
นีโน่: ถ้าฉันมีฉันก็จะให้เธอยืมนะ แต่ช่วงนี้ฉันก็ติดขัดเหมือนกัน เพราะว่าจะต้องเอาไปจ่ายค่าบ้านที่กำลังผ่อนอยู่นี่แหละ เอาอย่างนี้ไหม เธอไปกู้ธนาคารดู เผื่อว่าเธอจะได้มาซักก้อนหนึ่งมาช่วยเป็นเงินหมุนในร้านเธอได้ด้วยยังไงล่ะ
แอนนา: เออ…นั่นสิ ฉันลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลยอะ แล้วมันจะต้องทำยังไงบ้างล่ะ ฉันก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเกี่ยวกับกู้เงินธนาคารด้วยสิ มันต้องมีเอกสารอะไรบ้างอะ?
นีโน่: เรื่องเอกสารฉันไม่รู้เยอะหรอกนะ เพราะว่าขึ้นอยู่กับธนาคารที่เธอจะไปกู้ว่าเค้ากำหนดอะไรไว้บ้าง แล้วการกู้ก็จะต้องมีการค้ำประกันด้วยนะ เธอรู้หรือเปล่า?
แอนนา: อันนี้ก็พอจะรู้บ้าง แต่ว่าก็ไม่รู้อะไรมากหรอก เธอลองอธิบายให้ฉันฟังหน่อยสิ เผื่อฉันจะเข้าใจมากขึ้น แล้วจะได้คิดหาทางออกได้ยังไงล่ะ
นีโน่: ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารน่ะแหละ เพราะว่าบางธนาคารเค้าก็จะต้องมีคนค้ำประกันก็คือคนที่จะจ่ายเงินให้กับเธอถ้าหากว่าเธอจ่ายเงินตอนใช้หนี้เค้าไม่ได้ หรืออาจจะเป็นทรัพย์สินที่เธอมีอยู่ตอนนี้ยังไงล่ะ อย่างเช่นบ้าน หรือว่ารถ หรือว่าร้านอาหารของเธอนี่แหละ เค้าก็จะมาประเมินมูลค่าว่ามีเท่าไหร่ แล้วจะได้สามารถให้เงินเธอได้เท่าไหร่ แล้วเธอก็จะได้เงินมาจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ต้องใช้เงินคืนให้กับธนาคารที่เธอกู้มา แต่ถ้าหากว่าเธอคืนเค้าไม่ได้ หรือว่าไม่มีเงินใช้คืนเค้าก็จะไปเก็บคนที่ค้ำประกันให้เธอ หรืออถ้าธนาคารไหนให้เอาทรัพย์สินเป็นสิ่งค้ำประกัน เค้าก็อาจจะมายึดทรัพย์สินตรงนี้ถ้าเธอไม่คืนเงินเค้ายังไงล่ะ ดังนั้นหากคิดที่จะกู้เงินกับธนาคารก็ต้องมีความสามารถพอที่จะจ่ายเงินคืนด้วยนะ จะได้ไม่เดือดร้อนภายหลังไง
แอนนา: อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วมีอย่างอื่นไหมอะ?
นีโน่: มีสิ เพราะเค้าไม่ได้ให้เงินใครง่ายๆ และฟรีๆ หรอกนะ ที่สำคัญน่ะคือดอกเบี้ยเลย เพราะเมื่อไหร่ที่เธอกู้มาก็จะต้องมีดอกเบี้ยรวมอยู่ด้วย และดอกเบี้ยก็ขึ้นอยู่กับธนาคารว่าจะกำหนดมาเท่าไหร่ ถ้าวงเงินที่กู้มาสูง ดอกเบี้ยก็อาจจะสูงตาม แต่ถ้าวงเงินน้อยดอกเบี้ยก็อาจจะต่ำ คิดเป็นร้อยละเท่าไหร่ก็ว่ากันไปตามธนาคารที่เธอจะไปกู้นั้นแหละ บางที่อาจจะคิดเป็นเดือนหรือว่าเป็นปี หรือว่า 3 เดือน 6 เดือนก็แล้วแต่ธนาคารยังไงล่ะ อันนี้ก็ต้องไปคุยกับธนาคารล่ะนะว่าเขาจะคิดดอกเบี้ยอย่างไร
แอนนา: อื้อหือมันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
นีโน่: ช่าย มันก็มีความเสี่ยงเป็นธรรมดานั่นแหละ แต่ขึ้นอยู่กับเธอนั่นแหละว่าจะกู้หรือไม่กู้ แล้วจะหาเงินมาคืนได้ตามกำหนดเวลาหรือเปล่า ทุกอย่างมันมีความเสี่ยงนะจ๊ะ แต่ถ้าเธอมั่นใจว่าเธอจะต้องหาเงินมาคืนได้ตามเวลาที่กำหนดได้ และสามารถนำเงินมาช่วยโปรโมทร้านหรือว่ามาช่วยหมุนในร้านของเธอได้เธอก็ดีนะ เพราะถึงยังไงแล้วอะไรๆ มันก็ไม่ได้มาฟรีๆ อยู่แล้วนะ
แอนนา: ฉันเข้าใจมากขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจนีโน่มากนะ เดี๋ยววันนี้ฉันจะเอากลับไปคิดที่บ้านดูก่อนว่าจะกู้หรือไม่กู้ดี แล้วฉันก็จะตัดสินใจเร็วๆ นี่แหละ
นีโน่: จ้า… ขอให้เธอประสบความสำเร็จไวๆ นะ ฉันเอาใจช่วย และคิดให้รอบคอบก่อนกูเงินด้วยล่ะ
การ กู้เงิน ไม่ว่าจะกู้กับธนาคารหรือกู้เงินนอกระบบ ก็ย่อมมีดอกเบี้ยแถมมาด้วยเสมอ แต่จะสูงหรือต่ำก็จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการกู้เงินจากธนาคารจะมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเงินนอกระบบ แต่จะได้เงินมาล่าช้ากว่า เพราะต้องรอการอนุมัติจากทางธนาคารก่อนนั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็ดีกว่ากู้เงินนอกระบบนะ ถึงอาจจะต้องรอช้าหน่อยก็ตาม ดังนั้นใครที่กำลังต้องการกูเงินสักก้อนล่ะก็ แนะนำให้ไปกู้กับธนาคารเลยจร้า ส่วนจะเลือกธนาคารไหนนั้น ก็ต้องลองเปรียบเทียบดูเองนะ