ดูเหมือนหัวข้อในวันนี้จะชวนผู้อ่านปวดหัวตั้งแต่เริ่มแรก แต่จะขอบอกว่ามันเป็นไปตามที่หัวข้อเขียนไว้จริงๆ เพราะการเล่นหุ้นกับการขับรถให้บทเรียนซึ่งกันและกันได้ มาดูกันเลยว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน
สิ่งสำคัญอันดับแรกเลยก่อนที่เราจะขับรถออกไปบนท้องถนน เราต้องมีความรู้ในการใช้รถใช้ถนนเสียก่อน ในทางปฏิบัติคือต้องมีใบอนุญาติในการขับขี่รถยนต์นั่นเอง
ถ้ายังไม่ได้ใบขับขึ่ ถือว่ามีความเสี่ยงและอันตราย และไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งของตนเองและผู้อื่น เปรียบได้กับการมีความรู้ ความเข้าใจในการเล่นหุ้น เราต้องมีความเข้าใจเรื่องการเล่นหุ้นเป็นอย่างดีเสียก่อน แล้วค่อยไปเล่นหุ้นจริงๆจังๆ หากรู้แค่งูๆปลาๆ มีหวังขาดทุน สูญเงินแน่ๆ
เรื่องที่สองคือ แผนการเดินทางซึ่งรวมทั้งการศึกษาเส้นทางและกำหนดการต่างๆ
ในการขับรถไปยังที่ต่างๆ เราต้องมีแผนว่าจะไปไหน ใช้เส้นทางอะไร เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ถ้าจราจรติดขัดจะมีแผนหนึ่งแผนสองเพื่อเลี่ยงรถติดอย่างไร ช่วงไหนใช้ความเร็วได้ ช่วงไหนต้องระแวดระวัง กำหนดและเลือกเส้นทางให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด การเล่นหุ้นก็เช่นกัน เราจะต้องเขียนแผนการเล่น ว่าจะซื้อที่ราคาเท่าไหร่ จะขายที่ราคาเท่าไหร่ จะซื้อทั้งหมดกี่หุ้น ซื้อคราวเดียวหรือทยอยซื้อ และถ้าเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เราจะเปลี่ยนแผนอะไรยังไงบ้าง การมีแผนจะช่วยให้เราไม่หลงทาง
เรื่องที่สามที่การขับรถและการเล่นหุ้นเหมือนกันก็คือ จังหวะเวลา
เรื่องของจังหวะและเวลาในการขับรถคือช่วงที่ใช้ความเร็วในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ทางตรงอาจขับเร็วได้ แต่ทางโค้งต้องระมัดระวัง นักขับรถที่มีความชำนาญจะขับเข้าโค้งได้นิ่มนวล และคนที่มีความชำนาญมากอาจเข้าโค้งด้วยความเร็วที่มากกว่าและนุ่มนวลกว่า ทั้งๆที่การเข้าโค้งด้วยความเร็วนั้นเป็นความเสี่ยง แต่คนที่ทำได้นั้นก็ต้องอาศัยการฝึกฝนจนชำนาญ ในการเล่นหุ้นจังหวะเวลาเปรียบได้กับการเพิ่มขนาดของความเสี่ยง บางช่วงที่ตลาดเป็นใจ เราสามารถที่จะอัดเม็ดเงินเข้าไปมากๆได้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากขึ้นและใช้เวลาน้อยลง แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็จะเพิ่มความเสี่ยงขึ้นทันทีทันใด เพราะบางทีสภาพจิตใจอาจรับไม่ไหวกับการได้เสียที่มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จริงๆแล้วควรจะค่อยๆเพิ่มเม็ดเงินและความเสี่ยงไปทีละขั้น สั่งสมประสบการณ์ไปตามระดับชั้นจะดีกว่า
เรื่องที่สี่คือการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รถของเรามีความพร้อมและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการเล่นหุ้นเราก็ต้องรู้จักพักร่างกายและจิตใจบ้าง เพราะการเล่นหุ้นเป็นกิจกรรมที่มีความเครียดค่อนข้างสูง การมีสภาพร่างกายและจิตใจที่ดี จะช่วยให้รับมือกับสถานการณ์ระหว่างเทรดได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นจึงต้องรู้จักพักผ่อน กินอาหารที่เป็นประโยชน์และออกกำลังกายอยู่เสมอ
เรื่องสุดท้ายที่เราสามารถเรียนรู้เรื่องเล่นหุ้นจากการขับรถใช้รถก็คือ ต้องมีสมาธิระหว่างขับรถ
คนส่วนใหญ่ชอบใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ รู้หรือไม่ว่าการโทรระหว่างขับทำให้เราเสียสมาธิในการขับรถเป็นอย่างมาก ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายดาย จริงๆแล้วในระหว่างขับรถไม่ควรปล่อยให้มีอะไรมารบกวนสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นคุยโทรศัพท์ สัตว์เลี้ยง แม้แต่เด็กๆที่เล่นซนขณะที่ผู้ใหญ่ขับรถอยู่ เพราะจะทำให้คนขับไม่จดจ่ออยู่กับการขับรถอย่างเต็มที่ ในการเล่นหุ้นก็เช่นกัน อย่าให้อะไรมารบกวนจิตใจเวลาเทรด ไม่ว่าจะเป็น ทีวี เฟสบุ๊ค โทรศัพท์ หรือเล่นเกมส์ไป เทรดไป เพราะนั่นจะทำให้เราไม่มีสมาธิอยู่กับการเทรดได้ดีพอ ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยง ถ้างดได้ก็งดไปเลยจะเป็นการดีมาก
จะเห็นว่าการเล่นหุ้นกับการขับรถใช้รถสามารถใช้หลักการบางอย่างร่วมกันได้ คนที่หลงใหลทั้งการขับรถและเล่นหุ้นคงเข้าใจหลักการร่วมกันดังที่กล่าวถึงข้างต้นได้ดี หากเรามีความหลงใหลในด้านอื่น ลองปรับหลักการของกิจกรรมที่เราสนใจให้เข้ากับการเล่นหุ้นดู จะทำให้เกิดเทคนิคและหลักการเฉพาะตัว อาจทำให้เราสามารถเล่นหุ้นได้ดีและมีพัฒนาการการเล่นหุ้นที่รวดเร็วขึ้นได้