เดี๋ยวนี้การกู้เงินมาใช้เหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แถมยังมีโฆษณายั่วยวนเชิญชวนให้อยากเป็นหนี้มากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้หลายๆคนจึงไม่รีรอรีบกระโจนใส่จนมีหนี้เป็นของตัวเอง แต่รู้ไหมการเป็นหนี้เหมือนเป็นโซ่ทางการเงินที่พันธนาการเราไว้ไม่ให้ขยับตัวไปไหนได้ง่าย จำเป็นที่จะต้องจ่ายต้นและดอกเขาไปให้หมด จึงจะกลับมามีอิสระเหมือนเดิม ดังนั้นก่อนกู้เงินใครฉุกคิดซักนิดด้วยเหตุผลเหล่านี้ก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง
-
เราจะกู้เงินไปทำอะไร
ก่อนที่เราจะเอาเงินเขามาและทยอยจ่ายคืนเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย ลองถามตัวเองแล้วหรือยังว่าเอาเงินมาทำอะไร มันคุ้มค่าหรือไม่กับการเสียอิสรภาพทางการเงินที่มีอยู่ หากเป็นสิ่งที่มีประโยชน์หรือฉุกเฉินแบบนี้ไม่เป็นไร แต่ถ้านำไปใช้เพื่อความต้องการส่วนตัวไร้สาระส่วนตัวแบบนี้คงไม่ไหว
-
ความจำเป็น (Need) หรือความต้องการ (Want)
ลองตรวจสอบความต้องการของตัวเองดูว่าสิ่งที่คุณจะกู้เงินไปนี้เพื่อความจำเป็นจริงๆหรือเพียงแค่สนองความต้องการที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เช่น คุณต้องการกู้เงินไปซื้อรถเพื่อขนสินค้าทางการเกษตรไปขายที่ตลาดไทย หรือที่บ้านมีพ่อแม่ชราเจ็บออดๆแอดๆต้องพาไปหาหมอบ่อยๆแบบนี้ถือว่าเป็นความจำเป็น แต่ถ้าซื้อรถมาเพื่ออวดเพื่อนที่ทำงานแบบนี้อาจเป็นแค่ความต้องการ ซึ่งถ้ามองโดยรวมมันไม่คุ้มค่ากับการต้องเป็นหนี้เป็นสินเลยซักนิด
-
พิจารณาว่าอะไรควรมาก่อนและหลัง
เดี๋ยวนี้ข้าวของเครื่องใช้อะไรก็ดูน่าใช้และเหมือนจำเป็นไปหมด แต่หากไม่มีเงินสดให้ซื้อและถึงกับต้องไปเป็นหนี้เขาแบบนี้ขอให้คิดให้ดี โดยเฉพาะต้องมีการจัดระเบียบความสำคัญอะไรจำเป็นก่อนหรือหลัง ซึ่งสิ่งที่มาก่อนก็จะเป็นพวกข้าวของเครื่องใช้สิ่งที่จำเป็นในปัจจัยสี่และการประกอบอาชีพเพื่อดำรงชีวิต แต่หากสิ่งนั้นไม่เกี่ยวข้องเท่าไร มีไว้เพื่อเป็นหน้าเป็นตาหรือสนองความต้องการชั่วคราวแบบนี้คิดแล้วคิดอีกให้จงหนัก ไม่ว่าจะเป็น สร้อยทอง เพชรนิลจินดา นาฬิกาเรือนแพง กระเป๋าแบรนด์หรู โทรศัพท์รุ่นใหม่เครื่องละหลายหมื่น สระว่ายน้ำ อะไรแบบนี้ ซึ่งหากมีเงินจนใช้ไม่หมดไปทั้งชีวิตนี้ก็สนองความต้องการได้เลย แต่ถ้ายังอยู่ในวงเวียนของการต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินอยู่ จัดลำดับสิ่งไม่จำเป็นพวกนี้ไว้หลังๆหรือยกเลิกการซื้อไปเลยก็ได้
หลักคิดก่อนการเป็นหนี้
- ต้องคิดทบทวนหลายๆรอบก่อนจะไปกู้เงินใครมาให้เป็นหนี้ เพราะเมื่อพิจารณามากๆเข้าอาจเกิดความยั้งคิดและล้มเลิกไปโดยปริยาย
- หากเป็นไปได้ควรกู้เงินกับสถาบันการเงินของรัฐ และนำมาเปรียบเทียบหลายๆที่ ควรตรวจสอบว่าที่ไหนให้ข้อเสนอดีสุดและดอกถูกกว่าที่อื่น
- ต้องมั่นใจว่าถ้ากู้แล้วจะมีเงินนำมาใช้คืนทั้งต้นและดอกเบี้ยได้ และต้องไม่เบียดบังค่าใช้จ่ายอื่นของครอบครัวจนทำให้มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากขึ้น
- อัตราดอกเบี้ยต้องอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ไม่แพงจนเกินไป
- ต้องศึกษาเงื่อนไขการผ่อนชำระให้ละเอียด ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ ที่สำคัญต้องดูด้วยว่าหากชำระเงินคืนล่าช้าจะต้องเสียเบี้ยปรับเท่าไร
- พิจารณาข้อเสนออื่นที่น่าสนใจ เช่น ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย หรืออัตราดอกเบี้ยที่อาจปรับลดลงในอนาคต
ข้อควรระวังในการกู้เงิน
ในปัจจุบันมีสินเชื่อมากมายให้เราได้เลือกใช้บริการ ทั้งบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อรถแลกเงิน เป็นต้น จึงไม่จำเป็นจะต้องทำเรื่องกู้กับธนาคารเพียงอย่างเดียว แต่อย่าลืมว่ายิ่งกู้ง่ายก็จะติดกับดักทางการเงินได้ง่าย สำหรับคำโฆษณาที่ควรระวังให้มากได้แก่
– เงินสดอนุมัติไว ดอกเบี้ยต่ำ
– อนุมัติง่าย เงื่อนไขน้อย
– วงเงินกู้เต็มก็กู้ได้
– ให้กู้ได้ไม่ยึดบัตรเอทีเอ็ม
ในเรื่องดอกเบี้ยก็เช่นกัน อย่าได้ตกหลุมพรางในเรื่องดอกเบี้ยต่ำง่ายๆ เพราะอัตราดอกเบี้ยที่โฆษณากับดอกเบี้ยคิดจริงมันเป็นแบบนี้
- อัตราดอกเบี้ยที่โฆษณา ร้อยละ 1 ต่อเดือน เราคิดว่าน่าจะเป็นร้อยละ 12 ต่อปี แต่ในความเป็นจริงคือ ร้อยละ 21.46 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่โฆษณา ร้อยละ 1.25 ต่อเดือน เราคิดว่าน่าจะเป็นร้อยละ 15 ต่อปี แต่ในความเป็นจริงคือ ร้อยละ 26.62 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่โฆษณา ร้อยละ 1.50 ต่อเดือน เราคิดว่าน่าจะเป็นร้อยละ 18 ต่อปี แต่ในความเป็นจริงคือ ร้อยละ 31.72 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่โฆษณา ร้อยละ 2 ต่อเดือน เราคิดว่าน่าจะเป็นร้อยละ 24 ต่อปี แต่ในความเป็นจริงคือ ร้อยละ 41.70 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่โฆษณา ร้อยละ 3 ต่อเดือน เราคิดว่าน่าจะเป็นร้อยละ 36 ต่อปี แต่ในความเป็นจริงคือ ร้อยละ 60.92 ต่อปี
ซึ่งสาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะอัตราดอกเบี้ยที่โฆษณาเป็นอัตราแบบคงที่ ซึ่งคิดยอดจากต้นมาแล้ว แม้จะจ่ายเงินชำระไปบ้างแล้วก็ยังคิดดอกเท่าเดิม ซึ่งความจริงจะต้องเป็นแบบลดต้นลดดอก ที่จ่ายไปแค่ไหนดอกเบี้ยก็ลดตามเงินต้น จึงจะถูกต้อง
ก่อนจะเป็นหนี้ใครควรคิดให้รอบคอบ เพราะเงินหายากควรจะเสียไปกับสิ่งที่จำเป็นและคุ้มค่าเท่านั้น ขอให้ทุกคนโชคดี..