ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยกับบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งก็คนรู้จักหรือเพื่อนกันเนี่ยแหละ เพื่อนคนนี้เป็นคนที่ประหยัดมากบอกเลยว่ามากถึงมากที่สุดในกลุ่มเพื่อนๆ บัตรเครดิตอย่าถามว่ามีไหม เห็นประหยัดแบบนี้มีและมีหลายใบด้วยแต่เขารู้จักใช้ หนี้สินมีไหมแน่นอนว่าเคยมี และส่งหมด ไม่เป็นหนี้ ไปแล้ว จากการที่ได้พูดคุยสังสรรค์กันตามประสาเพื่อนเก่า เขาเล่าให้ฟังว่า
ทุกวันนี้มองเห็นน้องๆที่ทำงานเห่อกระแสสังคม นิยมความหรู เห็นแล้วก็อยากเตือน อยากบอกว่า การเป็นหนี้มันเหนื่อย มันทรมาน แต่พูดไปน้องๆก็มักจะบอกว่า พี่ก็พูดได้สิตอนนี้พี่เงินเดือนเยอะ ใช้จ่ายสบายๆ สามีก็มีเงินเดือนสูง เขาบอกว่าเจอแบบนี้เลยไม่อยากสอน เพราะกว่าเขาจะเป็นคนไม่มีหนี้ได้นั้นก็ใช่เวลานานเหมือนกัน สมัยทำงานใหม่ๆเงินเดือนก็ไม่มากนักอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้จ่าย ก็อดทนเห็นคนรุ่นเดียวกันที่เข้ามาทำงานพร้อมๆกันเริ่มผ่อนรถ ตอนนั้นเขาก็คิดว่าน่าจะมีสักคันเหมือนกัน แต่ด้วยความที่มีภาระครอบครัวต้องจ่ายหนี้ที่พ่อแม่ไปกู้เขามาจ่ายค่าเทอมตอนเรียนก็ทำให้ต้องหยุดไว้ก่อนตั้งหน้าตั้งตาผ่อนชำระหนี้ให้พ่อแม่ แต่ก็ยังโชคดีที่บ้านไม่ต้องผ่อนเพราะพ่อแม่ผ่อนหมดแล้ว ก็เสียแต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆจิปาถะ พอผ่อนหนี้หมดก็เริ่มขยับขยายหาตำแหน่งงานที่ใหม่ที่เงินเดือนสูงกว่าเดิมเพราะมีประสบการณ์แล้ว ก็ได้งานในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งเงินเดือนก็เริ่มสูงขึ้น
สภาวะทางสังคมในที่ทำงานก็เพิ่มมากขึ้น เริ่มมีบัตรเครดิตจาก 1 ใบเป็น 2 ใบ และหลายๆใบตามมา แต่ด้วยความที่พื้นฐานเป็นคนประหยัด จึงใช่จ่ายแต่พอดี แต่เขาก็บอกว่าขนาดควบคุมการใช้จ่ายแล้วนะบางเดือนจ่ายเกือบหมดเงินเดือนเลยก็มี เพราะด้วยสภาพแวดล้อมของสังคมคนทำงาน ทำให้บางครั้งต้องจ่ายอะไรที่ไม่น่าจ่ายไปด้วย จากที่เคยชำระหมดยอดทุกใบ ก็กลายเป็นจ่ายขั้นต่ำทุกใบ หมุนเวียนสลับใช้ เขาบอกว่าจุดเปลี่ยนของการเป็นหนี้คือ แม่เขาเอาบิลที่ส่งมาในแต่ละเดือนที่เขาจ่ายๆไปแล้วเก็บๆหมกๆไว้ เอามาให้ดูแล้วถามเขาว่าใช้อะไรเยอะแยะนักหนา ขนซื้ออะไรมากมาย กินเที่ยวเดือนเป็นหมื่นๆ ขนาดนี้เลยเหรอ นั่นเลยทำให้เขาคิดได้ เขาเล่าว่า แม่เขาเอายอดทุกบิลมารวมกัน แม่เก็บไว้เยอะมากเพราะเขาไม่ค่อยฉีกทิ้งจ่ายแล้วก็หย่อนถังขยะในห้องแม่ก็มาเห็นแล้วเก็บไป เขาบอกรวมยอดออกมาเชื่อไหมว่าเป็นเงินกว่าครึ่งล้านกับระยะเวลาแค่ไม่นาน นั่นทำให้เขาคิดได้และหยุดการใช้บัตรทั้งหมด จ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ ข้าวของที่เคยซื้อๆมาเขาบอกว่าพอเอามานั่งดูมีไม่กี่อย่างที่เขาและครอบครัวได้ประโยชน์จากมันจริงๆ กินเที่ยวมันก็แค่ความสนุกชั่วครู่ชั่วยาม
เขาใช้เวลาอยู่พอสมควรกับการจ่ายบัตรจนหมด และ วงเงินกลับมาเต็มทุกบัตรหลังจากนั้นเขาก็เลือกใช้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เช่นซื้อข้าวของต่างๆที่ต้องใช้ในครอบครัว ที่เป็นยอดใหญ่ๆเขาจะจ่ายด้วยบัตรเครดิตเพื่อความสะดวกและชำระเต็มทุกรอบบิล กินเที่ยวก็ลดลงจะจ่ายก็ใช้เงินสดไม่ก็ใช้บัตรเอทีเอ็มจ่ายเลย เขาบอกไม่เอาแล้วรูดเพลินๆเงินหายนับแสนจ่ายอะไรก็ไม่รู้ เขาบอกว่าพอไม่มีหนี้เขารู้สึกว่าชีวิตสบายขึ้น
การประหยัดอย่างที่เขาทำใครจะว่างกเขาไม่สนเพราะมันทำให้เขามีเงินเหลือทุกเดือน เขาบอกว่าน้องๆที่ออฟฟิศเขานั้นกระแสนิยมกันจริงๆ กินอาหารร้านดัง ทานกาแฟแก้วละร้อย เขาบอกเงินเดือนเขาเกิน 30,000 บาทเขายังไม่กล้าทาน นอกจากต้องออกไปพบลูกค้า หรือ ติดต่องานข้างนอก หากต้องไปทานอาหารกับคนที่ติดต่องานด้วยเขาถึงจะเข้าร้านเหล่านี้ หรือ โอกาสพิเศษ เท่านั้นเขาไม่เข้าร้านพวกนี้โดยไม่มีเหตุผลแค่ร้านดัง อาหารอร่อยเท่านั้น และร้านพวกนี้ก็นิยมรับแต่บัตรเครดิต หากจ่ายเงินสดก็จะโดนมองแปลกๆ
เขาบอกว่าโลกมันเปลี่ยนไปจริงๆ สมัยก่อนการจ่ายเงินสดคือมีเงินมีฐานะ แต่หากจ่ายเงินพลาสติกนั่นคือคนเป็นหนี้ แต่สมัยนี้จ่ายเงินสดคือไม่มีเงิน จ่ายเงินพลาสติกคือมีฐานะ และเขาโชคดีที่ได้สามีที่เชื่อฟังเขาด้วย อันนี้สำคัญเลยเขาบอกเพราะก่อนจะซื้ออะไรที่แพงๆสามีมักจะบอกเขาก่อนถามก่อน แม้จะมีเงินก็ตาม เพราะเขามักจะบอกสามีเสมอว่า ไม่อยากเป็นหนี้เขาเคยมีหนี้เยอะเขาไม่เอาแล้ว สามีเขาก็เข้าใจและเห็นด้วยว่าไม่อยากเป็นหนี้เหมือนกันเลยทำให้ทั้งคู่อยู่อย่างพอเพียง อยู่อย่างสบายๆไม่มีหนี้สิน
แม้กระทั่งเรื่องการซื้อรถเพราะทั้งบ้านมีคันเดียวใช้แค่วันหยุดหรือในเวลาจำเป็น เวลาไปทำงานก็ใช้ BTS บ้าง รถเมล์บ้าง ตามสถานการณ์ เวลาไปติดต่องานก็ใช้ BTS หรือ แท็กซี่ เพราะเบิกค่าเดินทางได้ เขาบอกมันเร็วกว่าขับรถไปเอง ประหยัดค่าน้ำมัน บ้านมีแล้วก็ไม่ซื้อใหม่ปรับปรุงซ่อมแซมดูแลให้ดีก็อยู่ได้ยันลูกโต นานๆครั้งก็พาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนบ้างอย่างช่วงปิดเทอมพาลูกๆเที่ยว เทศกาลต่างๆเขาบอกไม่ไปไม่เอา ที่พักแพงแย่งกันอีกต่างหาก เวลาไปเที่ยวก็เลือกที่พักไม่ได้หรูหราหรือต้องไปต่างประเทศกันทุกปีเหมือนคนอื่นๆที่มีรายได้สูงๆ เขาบอกว่าเวลาเที่ยวจะนอนถูกนอนแพง มันก็ที่เที่ยวที่เดียวกันแค่นอนต่างกัน กินต่างกันเท่านั้น แล้วทำไมต้องจ่ายแพงเกินเหตุด้วย
นี่เป็นตัวอย่างที่คิดว่าหลายคนมองว่าเขาโชคดีที่มีต้นทุนบางอย่างแล้ว อย่างน้อยก็มีบ้าน อย่างน้อยก็มีงาน และมีสามีที่สามารถซัพพร์อตกันได้ ต่างจากหลายๆคนที่ต้องปากกัดตีนถีบ ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่าย แต่เราทุกคนสามารถเอาตัวอย่างในเรื่องความประหยัดของเขาได้ในแง่ที่ ใช้แต่พอดี อยู่อย่างพอเพียง ไม่เห่อตามกระแสนิยมสังคม ลองปรับทัศนคติการเงิน การใช้จ่ายของคุณดูแล้วจะรู้ว่าการประหยัดมันทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นอีกเยอะ