การเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยากที่จะทำ คิดที่จะทำง่ายแต่ลงมือทำนั้นยากกว่า ยิ่งเป็นเรื่องที่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากความเคยชิน ไปสู่บางสิ่งที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน แล้วจะเริ่มต้นทำ อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะเคยชินกับสิ่งใหม่ๆ หรือแม้แต่การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่จะต้องปรับเปลี่ยนความเป็นอยู่ เช่นเดียวกันกับด้านการเงินที่ปีใหม่เริ่มต้นขึ้น จึงเป็นการเริ่มต้นเก็บเงินกันใหม่อีกหนึ่งปี หลังจากหมดเงินไปในช่วงส่งท้ายปีที่ผ่านมา
เรามาดูกันว่าทิศทางของปี 2558 ช่องทางการลงทุนหรือการออมนั้นจะเป็นไปในทิศทางไหนและทิศทางไหนเหมาะสมกับคุณมากที่สุด การออมไม่ได้จำกัดแค่การนำเงินไปต่อยอด แต่การออมต้องกระจายความเสี่ยงไปหลายๆจุด ซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นดังต่อไปนี้
ออม 10% ของรายได้
ถือเป็นเทคนิคยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่รู้ ยํ้านะครับว่ารู้ แต่ไม่ทำ ปีใหม่แล้วเริ่มต้นออมแบบง่ายจากรายได้ในแต่ละเดือนเพียง 10% จากรายได้ เช่น เงินเดือน 50,000 บาท ให้ทำการหักออก 10% คือ 5,000 บาท ออกมาทันที จากนั้นนำไปฝากไว้ในบัญชีที่ยากต่อการถอน หรือบัญชีที่ไม่ต้องมีบัตร ATM เพื่อที่จะเป็นการควบคุมตนเองจากการนำเงินไปใช้ เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในส่วนนี้จึงค่อยนำสมุดบัญชีไปถอนออกมา
วิธีการออมแบบ 10% เป็นวิธีการเริ่มต้นการออมแบบที่ง่ายที่สุด แต่คุณต้องทำอย่างสมํ่าเสมอ อย่าพัดผ่อน แม้ว่าจะไม่ได้ออกดอกผลจากเงินเก็บในแต่ละเดือน แต่อย่างน้อยก็เป็นการอุ่นใจเมื่อต้องการใช้เงินด่วน ก็สามารถนำเงินเก็บนี้มาใช้ได้ ลองนึกภาพดูว่า ถ้าคุณเก็บเดือนละ 5,000 บาท ภายในระยะเวลา 1 ปี คุณสามารถมีเงินเก็บอย่างน้อย 70,000 บาท เป็นจำนวนที่เยอะทีเดียว และถ้าคุณมีวินัยและเก็บแบบนี้ทุกๆปี คุณจะมีเงินล้านภายในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่คุณอยู่ในวัยทำงาน
หยอดกระปุก
อย่าหัวเราะครับ การหยอดกระปุกอาจจะเป็นการปลูกฝังให้กับเด็กเพื่อรักการออม แต่ในวัยทำงานก็สามารถทำได้เช่นกัน ลองตรวจสอบดูว่าในแต่ละวันคุณมีเหรียญเหลือในแต่ละวันเท่าไหร่ ไม่มากก็น้อย อย่างน้อยต้องมี 10 บาทแน่นอน ให้นำเหรียญเหล่านั้นหยอดกระปุกหมู หรือกระปุกอะไรก็ได้ที่ยากต่อการหยิบ แล้วพอสิ้นปีค่อยมานับดูว่าคุณเก็บเหรียญได้เท่าไหร่ เช่นเดียวกันผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่นิยมหยอดกระปุก โดยมีเทคนิคเล็กๆ ด้วยการเก็บเฉพาะเหรียญ 5 , 10 เท่านั้น ส่วนเหรียญบาท จะเก็บไว้ใช้ขึ้นรถโดยสาร และนอกเหนือจากเหรียญ ผู้เขียนก็จะเก็บธนบัตรใหม่ๆ เมื่อได้รับมาจะเก็บทันที ไม่ใช้ และไม่กำหนดว่าจะต้องเป็นธนบัตร 20, หรือ 100 บาท และผลที่ได้เมื่อปีที่ผ่านมา สามารถสะสมได้เก็บ 7,000 บาท เห็นไหมครับ
การหยอดกระปุกไม่ใช่เรื่องที่ล้าหลังอีกต่อไป การออมสามารถออมได้ทุกรูปแบบไม่จำกัดวิธีการ
ลดเลิก
อะไรที่ไม่จำเป็นอย่าพึ่งซื้อ หรืออะไรที่ติดอยู่ให้ลดปริมาณลง เช่น กาแฟ หรือของหวาน บางคนที่รู้จักจะกินกาแฟวันละ 2-3 แก้ว และต้องเป็นกาแฟยี่ห่อที่คนฮิตสีเขียวเท่านั้น ลองคำนวณดูว่าถ้า 1 วันคุณดื่มสองแก้ว แก้วละ 140 บาท 2 แก้ว เท่ากับ 280 บาท เท่ากับว่าเดือนนึง ทำงาน 20 วัน คุณจะต้องเตรียมเงินไว้ 5,600 บาท เยอะไหมครับ คุณอาจจะบอกว่าก็เงิน___ ไม่ได้ขอตังค์คนอื่นกิน ใช่ครับถูก แต่ถ้าคุณอยากจะมีเงินเก็บต้องเริ่มวันนี้ เริ่มจากลดปริมาณลง ลองดื่มวันละ 1 แก้ว แต่เอาแบบเข้มๆเลยนะครับ ให้ยืนจนถึงเลิกงาน แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ มือไม้สั่น ลองดื่มกาแฟที่มีราคาถูกๆหน้าตึกข้างทางดู รสชาติก็ไม่แพ้ในร้านใหญ่ๆเลย
นำเงินไปซื้อกองทุนรวม
วิธีการนี้ถือเป็นขั้นตอนที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก และผู้เขียนก็ได้นำเสนอในเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว ลองติดตามอ่านได้จากซีรีย์ที่ผ่านมา การออมในรูปแบบ
นอกจากจะได้รับเงินปันผลตามระยะเวลาที่หนังสือชี้ขวนได้กำหนดไว้แล้ว ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย กระซิบนิดนึงว่าตอนนี้กองทุนรวมของแบงก์ใหญ่สีลมมาแรงมากๆๆ LTF 100
ออมเงินไว้เที่ยว ซื้อของที่อยากได้
วิธีการสุดท้าย ชอบเที่ยว? อยากซื้อของ? ให้คุณทำกระปุกขึ้นมาอีกสองกระุปุก ตัวอย่างเช่น เขียนข้างหน้ากระปุก สำหรับเที่ยวฮ่องกง และอีกกระปุกสำหรับซื้อทีวี จากนั้นเมื่อในแต่ละเดือนคุณมีรายได้หักลบและเก็บในบัญชีแล้ว 10% ให้นำเงินที่เหลือจากการออมค่ากาแฟ ค่าฟุ่มเฟือยต่างๆ มาใส่ในกระปุกเหล่านี้ ไม่ว่าเหลือเท่าไหร่ ให้แบ่งครึ่งหรือแบ่งตามกระปุกที่คุณมีรายการจะซื้อ อาจจะมากกว่า 2 กระปุก เชื่อแน่ว่าคุณจะได้ทีวีใหม่พร้อมกับไปเที่ยวในเวลาอันไม่ช้า
จากเทคนิคทั้งหมด ดูเหมือนเป็นเรื่องที่คุณรู้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่คุณไม่ได้ใส่ใจ ปีใหม่แล้วลองเริ่มต้นใหม่ด้วยการออมดู แล้วคุณจะพบว่าการออมนั้นให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด