วันนี้เอาใจคนซื้อบ้านกันหน่อยเพราะหลายๆคนที่กำลังผ่อนดาวน์ หรือ ทำเรื่องกู้และรอโอนบ้าน หลายๆคนพบปัญหายอดฮิตคือเรื่องของสัญญาและกำหนดวันทำธุรกรรมต่างๆ ที่บางครั้งไม่เป็นธรรมเช่น การตรวจรับบ้าน ซึ่งหลายคนมักบ่นกันเสมอว่า บ้านยังไม่เรียบร้อย บ้านไม่เสร็จแต่ให้โอน ปัญหานี้เป็นกันทุกโครงการไม่วาโครงการใหญ่หรือเล็ก
ซึ่งในการตรวจรับบ้านนั้นแต่ละโครงการจะกำหนดก่อนวันโอน โดยบางแห่งจะมีการตรวจครั้งแรกและหากมีข้อผิดพลาดจะทำการแก้ไขให้และให้ตรวจรับอีกครั้งก่อนการโอน ซึ่งโดยมากจะมีแค่สองครั้ง แต่หากตรวจครั้งที่สองแล้วบ้านยังไม่เรียบร้อย มีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข ส่วนใหญ่พนักงานขายของโครงการจะให้เราเซ็นรับและโอนก่อนแล้วค่อยมีการซ่อมแซมทีหลัง ซึ่งหลายคนรับไม่ได้เพราะจุดผิดพลาดนั้นมันเยอะ หรือ หนักเกินกว่าจะยินยอมเซ็นรับ เพราะส่วนใหญ่แล้วโครงการจะกำหนดวันโอนเพื่อผลประโยชน์ของทางบริษัท และอาจมีกรณีหากโอนภายในกำหนดจะได้รับส่วนลด ของแถมต่างๆ ซื่งส่วนใหญ่จะมีระบุไว้ในสัญญาซึ่งหมายความว่า เราต้องทำตามสัญญานั้นๆ และเกือบทุกโครงการ การรับโอนทั้งๆที่บ้านมีปัญหาหรือข้อบกพร่องการแก้ไขภายหลังตามที่พนักงานขายบอกมักจะถูกเพิกเฉยหรือ ล่าช้า เพราะถือว่าเรายินยอมรับสภาพบ้านไปแล้ว
ซึ่งตรงจุดนี้นั้นก่อนที่เราจะทำสัญญาไม่ว่าจะว่างเงินจอง หรือ ทำเรื่องซื้อขาย เราต้องอ่านสัญญาอย่างละเอียด อ่านข้อตกลงต่างๆ ก่อนที่จะเริ่มวางเงินจอง หรือผ่อนดาวน์ เพราะเมื่อเราดำเนินการอะไรไปแล้ว หากเกิดปัญหาเราจะเป็นฝ่ายเสียหาย แม้ว่าจะเลือกโครงการดี หรือ ดัง แค่ไหนก็ตาม มักจะเจอปัญหาเล็กๆน้อยๆ ให้หงุดหงิดใจกันเสมอๆ และส่วนใหญ่โครงการบ้านจัดสรรนั้นมักเปิดทำสัญญากันตั้งแต่ยังไม่ลงเสาเข็ม เปิดจองกันตั้งแต่ยังไม่ถมที่หรือเพิ่งถมที่เสร็จ เพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสผ่อนดาวน์ เมื่อบ้านเสร็จสินไปกว่า 70% เขาก็จะเปิดให้เราตรวจบ้านหลังที่จอง ซึ่งก็จะตรงกับระยะเวลาผ่อนดาวน์หมดก็เข้าสู่การยืนกู้ซึ่งจะมีกำหนดระยะเวลาเช่นกัน และหากลูกค้ากู้ไม่ผ่าน แน่นอนว่าคุณไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นหากไม่มีเงินสดมาจ่ายชำระทั้งหมด หลายๆคนโดนยึดเงินดาวน์ หรือ บางคนโชคดีขายดาวน์ได้ เมื่อพ้นขั้นตอนการกู้ผ่านแล้วทีนี้ก็จะเป็นการโอนบ้านเหมือนที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะมีกำหนดระยะเวลา แต่บ้านมีปัญหาแน่นอนว่าหลายคนแก้ไม่ตกว่าจะทำอย่างไร เงินดาวน์ก็จ่ายไปแล้ว กู้ก็ผ่านแล้ว แต่บ้านไม่เรียบร้อยหากไม่โอนตามกำหนดก็ผิดสัญญา โดนปรับ หรือ อื่นๆอีกมากมายตามแต่ที่สัญญาจะระบุ
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำหากเจอปัญหานี้คือ ในการตรวจบ้านครั้งแรกต้องถ่ายรูปบ้านให้ละเอียด จุดไหนมีปัญหาต้องบันทึกและถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ต้องดูจุดสำคัญทุกอย่างเช่น หลังคา เสา ผนัง พื้น ระบบน้ำ ระบบไฟ ระบบสัญญาณโทรศัพท์ และต้องดูให้ละเอียด จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ต้องยอม พนักงานจะเร่งอย่างไรไม่ต้องสนใจเพราะบ้านเรา เราซื้อ เราอยู่ ไม่ต้องเกรงใจพนักงาน ตรวจทุกซอกทุกมุม สิ่งที่เราควรมีติดไปในวันตรวจบ้านคือ ไฟฉายไว้สำหรับการส่องดูในจุดที่คิดว่าตาเปล่ามองไม่เห็น ถังน้ำไว้สำหรับตรวจระบบประปาว่าน้ำไหลหรือไม่ และต้องดูพื้นห้องน้ำทุกห้องว่าน้ำไหลลงท่อไหมโดยเปิดน้ำทิ้งไว้เลย ให้ดูว่ามันท่วมเป็นหย่อมๆ หรือ ไหลลงท่อไหม ไฟต้องเปิดทุกดวง หากพกโทรศัพท์บ้านไปด้วยได้ก็จะดีมากเพราะบางโครงการเดินสัญญาณโทรศัพท์ให้เราจะได้เช็คว่าใช้ได้ไหมมีสัญญาณหรือเปล่า พื้นกระเบื้องทุกห้องต้องได้ระดับและแน่นหนา เราสามารถตรวจสอบได้โดยการโรยลูกแก้วลงพื้นและดูการไหลของลูกแก้วหากไหลไปกองมุมได้มุมหนึ่งแสดงว่าพื้นเอียง และ สุ่มเคาะกระเบื้อหากมีเสียงแน่นๆ แสดงว่าแน่นหนา หากมีเสียงโปร่งๆ แสดงว่าติดกระเบื้องไม่ดี ยาแนวตามร่องกระเบื้องต้องตรวจสอบว่าเรียบร้อยไหมยาแนวครบหรือเปล่า ผนังและเสาต้องดูว่ามีร้อยร้าวอะไรหรือไม่
ส่วนหลังคาอาจจะยากสักนิดเพราะต้องเปิดฝาดูหากเป็นฝาแขวนต้องเปิดดูแลส่องด้วยไฟฉายว่ามีช่องโหว่ตรงไหนหรือไม่ รอบๆบ้านก็ต้องตรวจสอบให้หมดการเดินท่อน้ำทิ้ง ท่อน้ำดี รอบๆตัวบ้านมีรอยร้าว รอยแยกอะไรหรือไม่ ระหว่างตัวบ้านและพื้นต้องดูว่าทรุดหรือมีรอยแยกหรือเปล่า กำแพงก็ต้องตรวจสอบ ซึ่งการตรวจบ้านอย่างละเอียดนั้นใช้เวลาไม่ควรน้อยกว่า 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ดูให้ละเอียด ไม่ควรรีบหรือดูผ่านๆ ตามที่พนักงานบอกหรือเร่ง และต้องจดทุกจุดที่มีปัญหา ถ่ายรูปไว้อย่างละเอียด
และเมื่อมีการตรวจซ้ำเราก็ดูตามจุดที่มีปัญหาว่าได้รับการแก้ไขหรือไม่นำรูปที่ถ่ายไว้มาเทียบกัน หากไม่มีการแก้ไข ไม่ต้องเซ็นรับเพื่อทำโอน หากโครงการจะปรับหรือคุยกันไม่ได้
หากพนักงานยังยืนยันให้รับและบอกว่าจะยึดเงินดาวน์ เงินมัดจำทั้งหมด เราบอกเลยว่าทำหนังสือมาให้รับโอนก่อนแต่บ้านยังไม่เรียบร้อย แล้วเราก็ตอบปฎิเสธ โดยส่งทางไปรษณีย์เหมือนที่เขาส่งมาให้เรา ถ่ายเอกสารทุกอย่างเก็บไว้ แล้วเรารวบรวมหลักฐานทั้งหมดแล้วไปติดต่อ สคบ.ให้ช่วยดำเนินการฟ้องร้องหรือให้เขาแก้ไขจุบกพร่องทั้งหมดให้เรา เพราะหากสภาพบ้านที่ถือว่าเป็นสินค้าไม่เรียบร้อยเรามีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมรับได้ เรามีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องทางโครงการ
แม้ว่าจะต้องเสียเวลา แต่ดีกว่าที่เราจะได้บ้านไม่มีคุณภาพ ซึ่งบางคนตรวจบ้านก่อนยื่นกู้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะหากมีปัญหาเรายังไม่ได้เป็นหนี้ยอมเสียเวลารอเงินดาวน์คืนแล้วไปหาโครงการใหม่ แต่บางคนละเลยไว้ใจโครงการเชื่อว่าซ่อมภายหลังได้ ทำเรื่องกู้ไปแล้วโอนไปแล้ว ปรากฏว่ามีปัญหาเพราะไม่มาซ่อมให้ตามที่แจ้งไว้ ต้องซ่อมเองเสียเงินเองช้ำใจทนอยู่ทนผ่อนกันก็มี
บอกได้คำเดียวว่า ซื้อบ้านต้องใจเย็น และ ไม่ต้องกลัว หรือ เกรงใจง้อพนักงานขาย เพราะเราจ่ายเงินและอยู่บ้านหลังนั้น เขาไม่ได้จ่ายเงินให้เรา ไม่ได้บังคับเราอยู่ ไม่ดีก็อย่าไปรับ สัญญาต่างๆอ่านแล้วไม่พอใจ ดูแล้วไม่เป็นธรรมก็ไม่ต้องซื้อโครงการนั้น เชื่อไหมว่ามีบางคนไปหาซื้อบ้านมือสองสภาพดีๆ ที่เจ้าของดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา ยังดีกว่าซื้อบ้านใหม่ๆ ตามโครงการด้วยซ้ำ หรือ บางคนซื้อบ้านมือสองราคาไม่แพง รีโนเวทใหม่ยังคุ้มค่าถูกใจกว่าซื้อบ้านจัดสรรเสียอีก ซื้อบ้านต้องใจเย็นๆ อย่ารีบร้อน รับรองว่าได้บ้านดีถูกใจแน่นอน