หลายๆคนคงคิดเหมือนกันว่า ภาระหนี้สินครัวเรือนนั้นเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสและยาวนานมาก การกู้ซื้อบ้าน บางคนมีกำลังผ่อนน้อยต้องผ่อนนานถึง 30 ปี บางคนอยากผ่อนให้หมดเร็วกว่านั้นก็ต้องมีภาระการเงินที่ต้องจ่ายรายเดือนที่มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถผ่อนจ่ายเดือนละหลายหมื่นได้อย่างนั้น การผ่อนบ้านอะไรจะเหน็ดเหนื่อยปานนี้ โดยเฉพาะคนส่วนมากกว่าจะได้ผ่อนบ้านอายุก็ปาเข้าไป 30-35 ปีแล้ว ผ่อน 30 ปีก็เท่ากับหมดภาระหนี้ตอน 60-65 ปีเลยทีเดียว
แล้วอย่างนั้น ทำไมไม่เริ่มผ่อนบ้านตั้งแต่อายุยังน้อยกว่านี้หรือ? อาจมีคำถามเกิดขึ้นในใจของผู้ที่ไม่มีภาระผ่อนบ้านหลายๆคน การเริ่มผ่อนตั้งแต่อายุ 20-25 ปี จะทำให้หมดภาระผ่อนบ้านได้เร็วขึ้นเป็นสิบปีเลยทีเดียว แต่ลืมคิดไปหรือไม่ว่าในอายุเท่านั้น คนส่วนใหญ่ยังไม่ดีพอ มีเงินเดือนเริ่มต้นเป็นจำนวนน้อยมากแทบชักหน้าไม่ถึงหลังกันอยู่แล้ว และพอมี รายได้พิเศษ โบนัส หรือคอมมิชชั่นอะไรขึ้นมา ก็มักจะนำไปลงทุนกับสินทรัพย์ประเภทอื่นเช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ
ดังนั้น การเริ่มผ่อนบ้านที่อายุ 30-35 ปีจึงเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม และไม่แปลกสักนิดเลยหากจะเริ่มผ่อนบ้านที่อายุเท่านี้ ซึ่งบางคนที่อายุเท่านี้การเงินดีขึ้น เงินเดือนหลายหมื่นก็คิดกันว่าภาระผ่อนบ้านในวัยนี้ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรเลย จะจริงหรือไม่ ลองมาดูการคำนวณนี้กัน
สมมุติว่ารายการผ่อนอยู่ที่ 30 ปี หรือ 360 งวด หากเงินต้นคือ 1,000,000 บาท คุณดาวน์ด้วยเงิน 150,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่อปีคือ 5% (ซึ่งอาจมากกว่านั้น) คุณจะมียอดผ่อนต่อเดือนเพียง 4,544.05 บาท ยอดเงินที่จ่ายจริงคือ 1,636,858.07 บาท ดอกเบี้ยที่จ่ายคือ 785,858.07 บาท เมื่อเห็นอย่างนี้ การจ่ายเงิน 4,544.05 บาทต่อเดือนยังดูเป็นเงินที่น้อยอยู่หรือไม่
อย่างไรก็ดีคุณอาจรู้สึกไม่ระแคะระคายกับการเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยที่มากกว่าครึ่งของเงินต้นไปมากโข เนื่องจากในเวลานั้นบ้านของคุณก็อาจมีราคาสูงกว่าจำนวนที่จ่ายไปแล้วก็ได้ แต่ถ้าหากคุณรู้สึกตกใจกับดอกเบี้ยที่เกือบเท่าเงินต้นนี้ คุณอาจเลือกที่จะจ่ายดอกเบี้ยให้น้อยลงก็ได้
มาจ่ายดอกเบี้ยธนาคารให้น้อยลงกันเถอะ
- เปิดบัญชีกับธนาคารที่คุณจะกู้ซื้อบ้านขึ้นมาอีกบัญชี โดยให้เป็นบัญชีสำหรับการจ่ายหนี้ค่าผ่อนบ้านโดยเฉพาะ
- นำเงินครึ่งหนึ่งของค่างวดบ้านต่อเดือนมาใส่ไว้ในบัญชีทุกครึ่งเดือนหรือสองสัปดาห์ เช่น ยอดที่คุณต้องผ่อนต่อเดือนคือ 4,544.05 บาท จำนวนที่ต้องใส่ไว้ก็คือ 2,272
- ใน 1 ปีมี 52 สัปดาห์ ดังนั้นยอดเงินในบัญชีที่คุณต้องมีคือ 2,272×26 สัปดาห์ เท่ากับ 59,072 บาท จำนวนเงินที่ต้องจ่ายหนี้จริงในหนึ่งปีคือ 4,544×12เดือน = 54,528 บาท มากกว่าไป 4,544 บาท หรือก็คือมากกว่าไปหนึ่งเดือน
- เมื่อถึงกำหนดจ่าย ให้นำเงินส่วนเกินมาแบ่งออกเป็น 12 งวด ก็จะได้งวดละ 67 บาท ให้จ่ายเพิ่มในค่างวดปกติไป
จากนั้นมาลองดูข้อมูลนี้กันอีกครั้ง จากข้อมูลเดิม
เงินต้นคือ 1,000,000 บาท คุณดาวน์ด้วยเงิน 150,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่อปีคือ 5% (ซึ่งอาจมากกว่านั้น) คุณจะมียอดผ่อนต่อเดือนเพียง 4,922.72 บาท ยอดเงินที่จ่ายจริงคือ 1,492,239.96 บาท ดอกเบี้ยที่จ่ายลดลงไปทั้งสิ้น 143,618.11 บาท ระยะเวลาที่ต้องผ่อน ลดลงถึง 57 งวด!
เป็นข้อมูลที่น่าตกใจ แต่เป็นเรื่องจริงที่คุณจะสามารถผ่อนบ้านหมดได้เร็วกว่าเดิมถึง 4 ปี เมื่อคุณผ่อนบ้านหมดเร็วนั่นแปลว่าคุณจะมีอิสรภาพทางการเงินเร็ว แต่ภาระหนี้สินอีกอย่างหนึ่งที่มักจะหนักอึ้งไม่แพ้กัน นั่นก็คือค่างวดของเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ หนี้สินจิปาถะไม่ว่าจะเป็น รถ บัตรเครดิต ตู้เย็น ทีวี ฯลฯ ซึ่งเราจะมาทำให้ภาระการเงินส่วนนี้ลดลงเหมือนกัน น่าสนใจใช่หรือไม่
อัตราหนี้สินต่อครัวเรือนที่ยืนยันว่า สุขภาพการเงินของคุณยังดีอยู่นั่นก็คือ หากคำนวณโดยรวมแล้ว อัตรา หนี้สินรวม : รายได้รวม หนี้สิน(รวมค่าผ่อนบ้าน)ต้องไม่เกิน 50% ของรายได้ หากเกินกว่านั้นแปลว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่ คุณต้องแก้ไขอะไรสักอย่างแล้ว ลองมาทำตามวิธีดังนี้กัน
- จดบันทึกรายการหนี้สินทั้งหมดที่คุณมี อัตราดอกเบี้ย จำนวนหนี้ ระยะเวลาผ่อนงวด แล้วเรียงลำดับหนี้ที่มีดอกเบี้ยมากที่สุดมาเป็นอันดับแรก จากนั้นทำการไฮไลท์หนี้ที่เกินอัตราส่วนที่ควรจะเป็นออกมา
2. เมื่อจดบันทึกแล้วคุณจะรู้ว่าหนี้ใดบ้างที่ดอกเบี้ยสูง เพื่อจะได้กำจัดออกไปโดยเร็วที่สุด วิธีกำจัดหนี้ที่ดีที่สุดคือ มีต้องรีบโปะ อย่ายืดเยื้อยาวนาน เอาไปใช้จ่ายค่านั่นค่านี่ มีรายได้ก็โปะ เงินเดือนออกก็โปะ โบนัสมาก็โปะ เพราะยิ่งยืดเยื้อต่อไป ดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายโดยใช่เหตุก็มากตามไปด้วย
3. หยุดการสร้างหนี้ใหม่ หากคุณคำนวณแล้วพบว่าสุขภาพการเงินของคุณอยู่ในระดับย่ำแย่ นั่นคือเกินกว่า 50% คุณต้องหยุดสร้างหนี้ใหม่ทันที ไม่ว่าจะสร้างเพื่อเอามากลบหนี้เก่า หรือจำเป็นใดใดก็ตาม พึงระลึกไว้เสมอว่าความจำเป็นของคุณตอนนี้มีแค่ ค่างวดหนี้ ค่ากิน ค่าน้ำ น้ำมัน และค่าไฟ นอกจากนั้นคุณสามารถตัดออกไปได้ทั้งหมด
ดังนั้นแล้ว หนี้สินใดๆก็ตามคุณจะพบว่ามีช่องทางทำให้มันน้อยลงหรือหมดไปได้ทั้งสิ้น เพียงแต่คุณต้องรู้วิธี มีวินัย และพยายาม นั่นก็เพื่อสุขภาพจิต และสุขภาพการเงินของคุณและครอบครัวเอง
หากมุ่งมั่น มาดหมายที่จะใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งและมีความสุขแล้วละก็ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดที่คุณต้องทำ จากนั้นก็ค่อยก้าวตามเส้นทาง อิสรภาพทางการเงิน ในปลายทางถัดไป