ต้องยอมรับว่าคำว่า รายได้แบบ Passive Income นี่ช่างถูกใจคนที่ไม่อยากทำอะไร นั่ง ๆ นอน ๆ รอรับเงินอย่างเดียว อาจจะเพราะอ่านหนังสือหรือฟังเขาเล่าสู่กันมาก็เลยมีความฝันที่อยากจะมีชีวิตที่อิสระทุกด้านทั้งด้านเวลาและด้านการเงิน หลายคนถูกชักจูงไปในทางที่แปลก ๆ เช่น การลงทุนต่อกันด้วยการเข้าชื่อเป็นสมาชิกเข้าทำนองแชร์ลูกโซ่ หวังว่าจะได้ผลตอบแทนจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น ท้ายที่สุดกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ก็สูญเงินทุนไปเป็นจำนวนมาก กลายเป็น Passive Income สู่กระเป๋าเงินของคนอื่นแทน
การมีความฝันที่จะร่ำรวยโดยออกแรงน้อย ๆ ไม่ใช่เรื่องผิด ทุกคนมีสิทธิ์คิดได้แต่ต้องอยู่บนหลักการที่สมเหตุสมผล ลองคิดดูก่อนจะมีต้นข้าว ต้นส้ม หรือแปลงเรือกสวนไร่นาที่ให้ดอกให้ผล เกษตรกรยังต้องลงแรงไถหว่านดิน ประคบประหงมกันนานกว่าจะได้ดอกผลให้เก็บเกี่ยวไปขาย แล้วจะมีธุรกิจใดที่จะมาเสนอผลตอบแทนกันกว่า 200% โดยแทบไม่ต้องทำอะไร แล้ว Passive Income ที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร ตัวอย่างของธุรกิจแบบนี้มีอะไรบ้าง ถ้าเราเข้าใจภาพรวมแล้วจึงจะสามารถมองหาลู่ทางต่อไปได้
มีคำกล่าวว่าถ้าอยากเข้าใจอะไรให้ลองมองระบบของธรรมชาติ คำว่า Passive Income มีตัวอย่างในธรรมชาติที่เห็นได้ชัดก็คือ น้ำ ลม และแสงแดด ซึ่งมีมาอยู่เนืองนิตย์ ต้นไม้พืชพรรณต่างได้รับน้ำฝนแบบฟรี ๆ ตกลงมาเองโดยไม่ได้พยายามไปทำให้ฝนตก แต่การคายความร้อนกลับคืนก็เป็นการส่งไอน้ำกลับขึ้นบรรยากาศเพื่อเป็นการหมุนเวียนวัฏจักร Passive Income ก็คล้าย ๆ กับน้ำฝนนั่นเอง ไม่ใช่ว่าผู้รับเงินรายได้จะไม่ต้องทำอะไร ต้องมีการทำอะไรบางอย่างกลับคืนไปอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ Passive Income ไหลมาอย่างต่อเนื่อง คำนิยามสั้น ๆ ของ Passive Income คือเงินรายได้ที่ได้มาโดยใช้แรงพยายามที่น้อยหรือการดูแลรักษาต่ำ แต่ก่อนจะมี Passive Income ได้นั้นคนเราต้องลงมือกระทำอะไรบางอย่างทุกครั้งไป แล้วจะมีอะไรเป็นหลักประกันว่าการลงมือทำของเรานั้นจะได้ผลอย่างที่หวัง
Passive Income ควรจะก่อเกิดมาจากระบบที่มีความเสถียร เหมือนน้ำฝน ย่อมมาจากระบบการควบแน่นจากเมฆเป็นน้ำฝน หรือแสงแดดที่มาจากดวงอาทิตย์ที่มีความเสถียรเช่นกัน นับว่าต้นไม้ฉลาดที่จะคืนไอน้ำสู่ระบบที่มีความเสถียร ถ้าเข้าใจตรงนี้คุณจะมีหลักคิดว่าคุณกำลังลงทุนไปกับธุรกิจที่สัญญาว่าจะให้ Passive Income กลับคืนมา ว่าธุรกิจนั้นมีความเสถียรหรือไม่
ตัวอย่างของธุรกิจ Passive Income เทียมหรือไม่เสถียร
ที่เห็นได้ชัดก็คือ การลงทุนเก็งกำไรในสิ่งที่เป็นกระแสเพียงชั่วครู่ โดยหวังว่าจะมีรายได้กลับมามาก ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแค่ลงเงินทุนแล้วรอคอย ตัวอย่างคือ การลงทุนในหุ้นปั่น หุ้นเก็งกำไร แชร์ลูกโซ่ หรือสินค้าที่เป็นกระแสเพียงชั่ววูบ เช่น ตุ๊กตา ตู้สติ๊กเกอร์ วัตถุมงคลบางรุ่น วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือถามตัวเองว่าฐานของธุรกิจนั้นแน่นหนาแค่ไหน เป็นเพียงกระแสเงินจากอารมณ์ของคนที่ถูกเร่งเร้าความอยากได้ ถ้าพบว่าไม่ใช่ธุรกิจที่เสถียรและอาจจะพังพาบลงได้ทุกเมื่อ จงอย่านำเงินทุนของคุณไปเสี่ยงจะดีที่สุด แน่นอนว่าต้องมีคนที่รักการเสี่ยงก็ขอให้จำกัดวงเงินไว้แล้วกัน หลายคนเอาที่เอาบ้านไปจำนองหรือยืมเงินญาติและเพื่อน ๆ มาเป็นแสนเป็นล้านเพื่อไปสร้างปราสาททรายหรือฟองสบู่ที่รอวันแตกสลายเท่านั้น นับว่าสูญเปล่าอย่างแท้จริง
ตัวอย่างธุรกิจที่ให้ Passive Income ที่แท้จริง
ความจริงแล้วทุกคนรู้จัก Passive Income อยู่แล้ว พื้นฐานที่สุดคือดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารที่เข้าบัญชีมาทุกครั้งเมื่อถึงเวลาที่กำหนด รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล เพราะเราฝากเงินไว้และไม่ต้องทำอะไรกับเงินนั้น เงินนั้นสามารถเพิ่มขึ้นมาได้เองจากระบบส่วนต่างทำกำไรของธนาคาร ธนาคารเองก็ได้ประโยชน์จากการระดมเงินฝากของมหาชน เพื่อให้ธุรกิจใหญ่ ๆ สามารถกู้ยืมเงินไปใช้ในการพัฒนาการประกอบธุรกิจ ธนาคารเองก็ได้ Passive Income จากผู้กู้อีกต่อหนึ่ง การลงทุนในหุ้นปันผลก็ถือว่าเป็นการสร้าง Passive Income เช่นกัน มีผลตอบแทนและมีความเสี่ยงมากกว่าการฝากเงินกับธนาคาร หลักการเดียวกันนี้โรงรับจำนำก็นำมาใช้เพื่อรับจำนำสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้กู้แก่ผู้จำนำในระยะสั้นและได้รับดอกเบี้ยเมื่อถึงกำหนดเวลาที่ผู้จำนำต้องมาส่งดอกเบี้ย เห็นได้ชัดว่าธนาคารและโรงรับจำนำต้องสร้างความน่าเชื่อถือ พัฒนาระบบและมีการลงทุนลงแรงในระดับหนึ่งที่จะทำให้ผู้มากู้เชื่อมั่น ตอกย้ำว่า Passive Income ต้องมีการทำอะไรบางอย่างเสมอ
การซื้อหาที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ตู้เติมเงิน ตู้หยอดเหรียญก็ถือว่าเป็นวิธีการหา รายได้แบบ Passive Income เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นบ้านหรือห้องเช่า ก็สามารถสร้างรายได้จากค่าเช่ามาอย่างต่อเนื่องทุกเดือน โดยเจ้าของเพียงแต่จัดการด้านเอกสาร การดูแลรักษาและการใช้อาคารของผู้เช่าอยู่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้มีรายได้ไหลมาเทมาอย่างต่อเนื่อง แม้การซื้อทองคำหรือที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เก็บไว้รอขายต่อในอนาคต ก็นับว่าเป็น Passive Income เพราะเวลาขายออกไปก็ใช้เวลาการลงมือทำน้อยแต่ได้กำไรสูงจากการที่มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเองตามวันเวลาที่ผ่านไป
อสังหาริมทรัพย์และทองคำ เป็นทรัพย์สินที่นอกจากมีความเสถียรสูงแล้วยังสามารถเพิ่มมูลค่าในตัวเองได้ด้วย จึงเข้ากฎของการเป็นแหล่งสร้างรายได้ Passive Income ทุกประการ ทรัพย์สินทางปัญหา หรือ Virtual Real Estate เช่น ธุรกิจให้เช่าเว็บโฮสติ้ง หรือเว็บไซต์ นิตยสาร วารสาร คลับ ที่มีการเก็บค่าสมาชิกแบบครั้งเดียวตลอดชีพ ค่าสมาชิกรายปีหรือรายเดือนก็ถือว่าเป็น Passive Income เช่นกัน จุดสังเกตคือคุณต้องเป็นเจ้าของฐานหรือ Platform นั้นนั้นด้วย เผื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่กระแสเงินสดหายไปจากเหตุผลใดก็ตาม คุณก็ยังเก็บฐานนั้นไว้ได้เพื่อรอทำเงินในอนาคตหรือขายต่อได้ราคา เช่น บ้าน คอนโดมิเนียม ทองคำ พันธบัตร เป็นต้น
คนเราไม่ควรหวังที่จะมีรายได้จาก Passive Income เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เป็นการดูแคลนแต่ Passive Income มักจะเป็นกับดักที่ทำให้คนเราหยุดนิ่งไม่ขวนขวายพัฒนาตัวเอง ในคำว่า Passive Income ก็ต้องพยายามสร้างแหล่งรายได้ที่ส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตและมั่นคงตลอดเวลา
คำว่า Passive จึงเป็นคำนิยามเพื่ออธิบายวิธีที่รายได้ไหลมาเท่านั้น ไม่ได้หมายความคุณไม่ต้องลงมือทำอะไร คุณยังคงต้อง Active ต่อไป เหมือนกันต้นไม้ที่แม้จะรับน้ำฝนมาฟรี ๆ ก็ยังต้องพยายามออกดอก ออกใบ เกสรดอกไม้เพื่อขยายพันธุ์ให้กระจายออกไปเรื่อย ๆ ตามความสามารถที่มี เพราะ Active และ Passive เป็นของคู่กัน ถ้าคุณลงทุนลงแรงอย่างเหมาะสมด้วยความรู้ มีความเฉลียวใจและรอบคอบ ก็จะมีรายได้ที่น่าพอใจกลับมาในที่สุด