การ รีไฟแนนซ์ (Re-Finance) คือ การกู้เงินก้อนใหม่มาเพื่อนำไปใช้คืนหนี้ก้อนเก่าที่กู้ยืมมา โดยการกู้ครั้งใหม่นั้น ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กู้ยืมในตอนแรก อาจเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งทางที่ดี ควรรับการรีไฟแนนซ์ในสถาบันการเงินเดิม เพราะสะดวกในการดำเนินการ และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะตามมา
หากจำเป็นจริงๆที่จะต้องเปลี่ยนสถาบันการเงินในการ รีไฟแนนซ์ ประวัติการผ่อนชำระค่างวดที่ดีจากสถาบันการเงินเดิมนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้เราสามารถทำการรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่ได้ง่ายขึ้น จะให้ดีควรหาสถาบันการเงินใหม่ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่าที่เดิมประมาณ 2 – 3% แต่อย่างไรก็ตาม หากมีประวัติการจ่ายเงินล่าช้า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหมดหวังในการรีไฟแนนซ์ เพราะ สามารถทำกับสถาบันการเงินเดิมต่อไปได้ แล้วการ รีไฟแนนซ์ จะช่วยคุณได้อย่างไรบ้าง ?
ข้อกำหนดในการดำเนินการและการผ่อนชำระค่างวด มีดังนี้
1.) หากเลิกสัญญาก่อนกำหนดจะต้องเสียค่าปรับตามที่กำหนดไว้ซึ่งแต่ละลิสซิ่ง หากเรายกเลิกสัญญาเร็วก็จะมีค่าเสียหายที่มากขึ้น
2.) หากรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินที่ใหม่ จะมีค่าจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ โดยค่าใช้จ่ายจะคิดเป็น เปอร์เซ็น ของวงเงินทั้งหมด
3.) สัญญาของรีไฟแนนซ์ จะมีค่าธรรมเนียมในการจำนอง คิดเป็นเปอร์เซ็นของราคาประเมิน สามารถไปจ่ายที่กรมที่ดิน แต่หากใช้สถาบันการเงินเดิมจะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
4.) สัญญาของรีไฟแนนซ์ จะมีค่าประเมินราคาหลักประกัน คิดเป็นเปอร์เซ็นของราคาประเมิน แต่หากใช้สถาบันการเงินเดิมจะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
5.) สัญญาของรีไฟแนนซ์ จะมีค่าอากรแสตมป์ คิดเป็นเปอร์เซ็นของราคาประเมิน แต่หากใช้สถาบันการเงินเดิมจะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
ข้อดีของการรีไฟแนนซ์
1.) ประหยัดการผ่อนชำระค่างวดที่เหลืออยู่ เนื่องจาก ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
2.) ผู้ขอรีไฟแนนซ์ สามารถเริ่มต้นคิดคำนวณค่าต่างๆได้ใหม่ เช่น อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาในการผ่อน
3.) ในกรณีที่มียอดชำระไม่สูงมาก การรีไฟแนนซ์นั้นสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ โดยได้รับจากเงินส่วนต่าง จากการประเมิน
ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์
1.) ในกรณีที่ย้ายสถาบันการเงิน อาจมีรายจ่ายที่สูงไม่คุ้มกับการรีไฟแนนซ์
2.) ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยเป็นเงินสดจากการกู้เดิม เพื่อปิดบัญชีเก่า โดยคิดดอกเบี้ยแบบ Flat Rate ในระบบสินเชื่อรถยนต์
3.) ต้องจ่ายค่าปรับเพิ่มตามเงื่อนไขของการปิดบัญชีสินเชื่อก่อนกำหนด
4.) ผู้รับบริการต้องชำระค่าเบี้ยประกันภัย ชั้น 1 ตามเงื่อนไขของบริษัทหรือธนาคาร ในปีแรกทุกคัน หากประกันภัย ชั้น 1 ที่ติดมากับรถยนต์ของเรามีอายุเหลือในการคุ้มครอง 6 เดือนหรือน้อยกว่านั้น แต่ถ้าหากความคุ้มครองตามกรมธรรม์เดิมเหลือมากกว่า 6 เดือน หรือ ในกรณีที่ลูกค้าเลือกที่จะซื้อประกันภัย โดยไม่ผ่านบริษัทที่รับรีไฟแนนซ์ ลูกค้าจะต้องจ่ายเงินให้กับบริษัทที่รับรีไฟแนนซ์นั้นๆ เพื่อเป็นค่าธรรมเนียมตามที่บริษัทรับรีไฟแนนซ์อ้าง มากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนเบี้ยประกันภัยที่จ่าย และระยะเวลาคุ้มครองที่เหลืออยู่