ทุกวันนี้ คนเรานั้น มีทั้งรายรับและรายจ่ายในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับว่ารายรับของท่านนั้นได้รับทุกวัน หรือว่าได้รับเป็นเดือน หากมีรายรับทุกวัน ก็จำเป็นต้องรู้จักการจัดการรายรับ-รายจ่ายให้ดี ถึงจะดีตรงที่มีเงินสำหรับการใช้จ่ายทุกวัน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะมีเงินเป็นก้อน เพราะบางคนนั้น ไม่เคยเก็บออมเอาไว้ เพื่อใช้จ่ายยามจำเป็น หรือชำระหนี้สินก้อนใหญ่ต่อเดือนเลย
ส่วนท่านที่มีรายรับเป็นเดือน มีข้อดีตรงที่ แต่ละเดือน รับเงินเป็นก้อน ซึ่งจะง่ายต่อการจัดการรายรับ-รายจ่าย ยิ่งหากท่านรู้จักทำบัญชีภายในครอบครัวไว้ด้วย จะยิ่งเป็นการดีอย่างมาก แต่ก็ มีข้อเสียตรงที่ว่า หากบริหารจัดการได้ไม่ดี ก็มีโอกาสที่เงินจะไม่พอใช้ได้ทั้งเดือนเช่นกัน บางคนเลือกแก้ปัญหาด้วยการกู้หนี้ยืมสิน แล้วพอเงินเดือนออกค่อยชำระหนี้ แต่จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างมาก เพราะจะยิ่งทำให้รายรับสิ้นเดือนของท่านไม่พอใช้จ่าย แล้วก็จะต้องกู้หนี้ยืมสินไปตลอด
วิธีในการจัดการและวางแผนรายรับรายจ่ายที่ดีที่สุด คือ การทำบัญชีไว้ ท่านจะสามารถทราบได้ว่า ต่อเดือน ท่านต้องใช้จ่ายในส่วนใดที่จำเป็นบ้าง หรือสิ่งไหนที่ไม่จำเป็นก็จะสามารถรู้ได้ และตัดส่วนนั้นๆออก เมื่อแบ่งค่าใช้จ่ายให้ได้พอเหมาะกับการใช้จ่ายทั้งเดือนแล้ว เงินที่เหลือก็เก็บออมโดยการหยอดกระปุก หรือหากกลัวว่าจะห้ามใจไม่ได้ ก็เลือกเปิดบัญชีแยกไว้ต่างหาก เพื่อฝากเงินในส่วนนี้ไว้ แล้วก็ต้องทำแบบนี้ให้ได้ทุกเดือน เงินท่านก็จะพอใช้ อีกทั้ง ยังมีส่วนเงินเก็บอีกด้วย สำหรับท่านที่มีรายได้เป็นรายวัน ท่านจะต้องแยกเงินเป็นส่วนเลย ว่าจะเอาไว้ใช้เท่าไหร่ และจะแบ่งเก็บเท่าไหร่ เพราะว่าเป็นเงินสดอยู่กับมือท่านแล้ว สมมุติว่าได้รับเงินวันละ 300 บาท อาจจะแบ่งเก็บต่อวัน 100 บาท เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่อวันแค่ 200 บาท และต้องใช้ให้พอ ไม่นำเงินส่วนที่เก็บไว้มาใช้ ไม่เช่นนั้น ท่านจะไม่มีเงินเก็บไว้สำรองใดๆเลย
ยกตัวอย่างเช่น คุณอ่ำ-อัมรินทร์ นิติพน นักร้องนักแสดงที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ เพราะว่า เริ่มต้นการทำงานมาทางสายบันเทิง จึงเลือกทำธุรกิจในสายที่ตนเองถนัด เมื่อตอนใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ก็ใช้จ่ายเงินที่หามาได้อย่างสบายใจ แต่ไม่ถึงขั้นว่า ตามใจตนเองจนฟุ่มเฟือย แต่เมื่อชีวิตของเค้ามีครอบครัว ภาระก็เริ่มมากยิ่งขึ้นกว่าการใช้ชีวิตตัวคนเดียว เค้าจึงเลือกให้ภรรยาเป็นผู้ที่จัดการเรื่องการเงินภายในบ้านทั้งรายรับและรายจ่าย เมื่อมีรายรับเข้ามาก็จะแบ่งเป็นส่วนเพื่อทำประกันแบบออมทรัพย์ไว้ให้แก่ลูกของเค้า เมื่ออายุครบกรมธรรม์ลูกเค้าก็จะมีเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในอนาคตได้ และเป็นการบังคับตัวของเค้าเอง เพื่อฝากเพิ่มเข้าไปให้ลูกของเค้าทุกปี เป็นการวางแผนการเงินแบบล่วงหน้าสำหรับลูกของเค้า และเค้ายังเลือกลงทุนกับการร่วมหุ้นระยะยาว กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ อีกทั้ง การลงทุนซื้อที่ดินเอาไว้ และในอนาคตตัวเค้ายังมีแผนลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีก เพื่ออนาคตของตัวเค้าเองและครอบครัว พร้อมทั้งปลูกฝังให้ลูกของเค้ารู้จักเก็บออมและลงทุนในสิ่งที่มีความจำเป็นตั้งแต่เด็กอีกด้วย ชีวิตของเค้าจึงประสบความสำเร็จทั้งชีวิตครอบครัว การลงทุน หน้าที่การงาน และธุรกิจส่วนตัวเป็นอย่างดี และยังมีเคล็ดลับดีๆ มาฝากทุกคน เพื่อให้ลองทำตามเค้าดูอีกด้วย เผื่อจะสามารถประสบความสำเร็จอย่างเค้าบ้าง ดังนี้
“ผมกับจอยจะสอนลูกเรื่องการใช้เงิน พยายามปลูกฝังเอลี่ว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทำงานมา ให้ใช้ในเรื่องที่จำเป็น และการเก็บ ออมเงินเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเรามีเงินออม ก็จะสามารถนำเงินก้อนนี้ ไปต่อยอดเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนหรือทำธุรกิจได้อีกในอนาคต”
(อ้างอิง : start-to-invest.com และ start-to-invest โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์)
หากทุกท่าน รู้จักเก็บ รู้จักออม และนำเงินออกมาลงทุนให้ถูกวิธี อนาคตการเงินของทุกท่านจะไม่มีทางฝืดเคืองอย่างแน่นอน อาจจะไม่มีเงินลงทุนพร้อมกันหลายๆอย่าง แต่ก็เริ่มใช้เงินเท่าที่มี ลงทุนเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยๆ ไม่นานเงินลงทุนเหล่านั้นก็จะเพิ่มพูน และสามารถนำไปลงทุนอย่างอื่นได้ต่ออีกมาก หรือจะเลือกเป็นการนำมาลงทุนทำธุรกิจตามความถนัดของแต่ละท่านก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้ท่านมีกิจการเป็นของตนเอง และยังสามารถบริหารเงินได้อย่างลงตัวมากขึ้น อาจจะเริ่มด้วยการค้าขายเล็กๆน้อยๆ หรือหากใครที่มีเงินเก็บมากพอที่จะลงทุน ก็ลองหาข้อมูลและศึกษาการลงทุนซักอย่าง ที่คิดว่าสามารถทำให้ได้ผลกำไรอย่างแน่นอน แล้วค่อยๆลงทุนไป หากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจมีเป้าหมายให้กับตนเอง อีกไม่นาน จากเงินเก็บหลักร้อยของท่านในแต่ละวัน อาจจะเพิ่มมูลค่าเป็นเงินปันผลหลักล้านในอนาคต ซึ่งจะทำให้ตัวท่านเองและคนในครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สุขสบายมากขึ้น
ดังนั้น จึงต้องเริ่มเก็บออม จัดสรรปันส่วนค่าใช้จ่ายให้ดีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าเอาแต่คิดว่า จะทำ แต่ก็ไม่เริ่มที่จะลงมือทำ แล้วต้องมานั่งมองคนอื่นที่เค้าก้าวหน้าไปเกินกว่าท่านหลายก้าว ทั้งที่ เมื่อไม่นานมานี้ เค้ายังยืนอยู่ที่เดียวกับท่านอยู่เลย