สิ่งหนึ่งในการทำธุรกิจที่สำคัญ คือการสร้างสินค้าที่มีคุณภาพออกมาให้ผู้บริโภคได้ใช้ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าเมื่อได้ใช้ มีบริการหลังการขายที่เยี่ยมยอด มีความเป็นมิตรกับลูกค้าทุกคน ไม่ตั้งราคาที่แพงมากเกินไปโดยเน้นราคาที่เหมาะสมกับสินค้าของตัวเอง มีของแถมเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ซื้อและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้นับได้ว่าเป็นสูตรสำเร็จที่สามารถทำให้ธุรกิจต่างๆที่ใครหลายๆคนได้สร้างนั้น ประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วนแล้วก็จริง แต่บางครั้งนั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จ เพราะควรที่จะรู้จักลูกค้าของเราด้วย และการที่เรารู้จักลูกค้าของเรา รับรองว่าจะช่วยเราได้อย่างมากเลยล่ะ
การรู้จักลูกค้า ไม่ใช่การรู้จักชื่อจริง นามสกุลจริง รู้จักที่อยู่และอื่นๆนะ แต่การรู้จักลูกค้าในที่นี้หมายถึง “รู้จักลักษณะของลูกค้า” เพราะว่าลูกค้าของเราแต่ละคนนั้นก็จะมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน และด้วยลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันก็จะทำให้มีความคิด การพิจารณาการเลือกซื้อสินค้าสักชิ้นก็แตกต่างกันด้วย
อย่างเช่น การพิจารณาเลือกซื้อขนมสักชิ้นในร้านขนมเค้ก บางคนก็จะพิจารณาจากปริมาณว่า เงินเท่านี้จะได้กี่ชิ้นและต้องซื้ออย่างไรถึงจะคุ้มค่าที่สุด บางคนก็อาจจะพิจารณาจากสรรพคุณทางด้านอาหารที่เหมาะสมกับราคา และบางคนก็คำนึงถึงความอร่อยเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจราคานะ ฉะนั้นแล้วการรู้จักลักษณะของลูกค้า จะช่วยให้การค้าขาย การสร้างสินค้าหรือการทำธุรกิจของเรา เป็นไปได้อย่างง่ายดายและเจาะถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และเราก็มีลักษณะของลูกค้าดังนี้ให้พิจารณา
-
ลูกค้าที่คำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก
หลายๆครั้งที่ลูกค้ามักจะเลือกซื้อสิ่งของสักชิ้นหรือจะเลือกใช้บริการอะไรสักอย่าง โดยพิจารณาจากความคุ้มค่าเป็นหลักหลังจากได้ซื้อมาไว้ในครอบครองหรือหลังจากที่จ่ายเงินไปแล้ว พิจารณาถึงประโยชน์ที่จะได้จากสิ่งนั้นหลักจากที่ได้ซื้อ พิจารณาจากความคุ้มค่าการใช้งานเป็นหลัก พิจารณาว่าจะได้อะไรจากสิ่งนั้น และแน่นอนว่าลูกค้าเหล่านี้จะให้ความสำคัญกับตัวสินค้าเพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่สนใจแบรนด์ ไม่สนใจยี่ห้อสักเท่าไหร่นะ ซึ่งถ้าหากว่าสินค้าของเราหรือบริการของเรา ทำให้ลูกค้าเห็นถึงความคุ้มค่าสูงสุด ลูกค้าก็จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าจากเราอย่างไม่ลังเลเลยล่ะ
เราสามารถเห็นการพิจารณาเหล่านี้จากสินค้าจำพวกเทคโนโลยีเป็นหลัก อุปกรณ์เครื่องใช้ และสิ่งอื่นๆรวมไปถึงบริการบางอย่างด้วยนะ และถ้าหากว่าเราเจอกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ สิ่งสำคัญที่เราต้องทำคือ ทำให้ลูกค้าเห็นถึงความคุ้มค่ามากที่สุด
-
ลูกค้ากระชับมิตร
เคยหรือเปล่าล่ะ ที่เราเห็นลูกค้ากับคนขาย ได้คุยกันถูกคอจนทำให้ลูกค้าคนนั้นไม่สนใจที่จะซื้อสินค้าจากร้านอื่นเลยล่ะ ซึ่งถึงแม้ว่าร้านค้าที่ลูกค้าคนนั้นซื้อจะประจำ จะมีราคาแพงกว่าร้านอื่นๆก็ตามแต่ลูกค้าคนนั้นก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนร้านซื้อนะ นั่นเป็นเพราะความผูกพัน ความรู้สึกดีที่ลูกค้ามีต่อผู้ขายนะ
ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าเหล่านี้จะเป็นลูกค้าขาประจำของเรานะ ถึงแม้ว่าสินค้าของร้านเราจะเป็นสองรองจากร้านอื่นก็จริง แต่ไม่ต้องห่วงเพราะว่าลูกค้าคนนั้นจะไม่หายไปไหนแน่นอน และถ้าหากว่าเราเจอลูกค้าลักษณะนี้ในร้านของเรา สิ่งหนึ่งที่เราควรทำคือให้ความอบอุ่น ทำให้ลูกค้าคนนั้นรู้สึกดี รู้สึกถูกชะตา รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเรา เข้าใจความรู้สึกของลูกค้า เพราะลูกค้าลักษณะนี้จะเลือกซื้อสินค้าโดยพิจารณาจากคนขายเป็นหลัก
-
ลูกค้าสายวิเคราะห์
บางครั้งลูกค้าบางคนหรือลูกค้าหลายๆคนเลยล่ะ ก็รู้ถึงคุณภาพ รู้ถึงสรรพคุณของสินค้าที่เราขาย หรือรู้ทันกลยุทธ์โน้มน้าวใจของคนขายนะ ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะไม่ค่อยสนใจโปรโมชั่นสักเท่าไหร่ แต่จะสนใจไปยังคุณภาพของสินค้าจริงๆเท่านั้น ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อยเกี่ยวกับสินค้าประเภทอุปกรณ์ IT ที่เน้นคุณภาพมากกว่าเน้นโปรโมชั่น
ลูกค้าสายวิเคราะห์นั้น มักจะหาข้อมูลของสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทั้งหาดูรีวิว ถามคนที่เคยใช้ อ่านบทวิเคราะห์ และอื่นๆอีกมากมายเพื่อที่จะทำให้ตัวเองแน่ใจได้ว่า สินค้าที่ตัวเองต้องการนี้ ดีจริงๆไม่มีโม้ และสิ่งที่เราต้องทำเมื่อเจอลูกค้าลักษณะนี้ คือทำให้ลูกค้ารู้สึกและเห็นได้ว่า สินค้าของเรามีความคุ้มค่าอย่างเห็นได้ชัด ประหยัดเมื่อเทียบกับสินค้าอื่นๆและที่สำคัญห้ามโกหกนะ
-
ลูกค้าที่เน้นผลลัพธ์ระยะสั้น
เคยหรือเปล่าล่ะ ที่เราซื้อสินค้าอะไรมากสักอย่างหนึ่ง แล้วเราก็ประสบปัญหาอย่างมากเลยล่ะในการเก็บหลังจากที่ใช้งานเสร็จ ประสบปัญหาในเรื่องของการติดตั้งที่ยากและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นเราอาจจะต้องการอะไรสักอย่างที่เก็บง่ายๆหรือติดตั้งง่ายๆนะ อย่างเช่นกระทะที่บ้าน หรือ อุปกรณ์เครื่องเสียงที่ใช้ในงานเลี้ยงสังสรรค์
ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าลักษณะนี้มักจะเน้นหรือต้องการสินค้าที่สะดวกสบายในการใช้งาน ไม่เน้นวิชาการหรือวิเคราะห์อะไรมาก เน้นเพียงแค่ว่าสินค้าชิ้นนี้มันดีจริงเหมือนอย่างที่โฆษณาหรือเปล่า อย่างเช่นอาหารเสริมที่เขียนไว้ว่าจะเห็นผลภายใน 7 วัน แต่หลังจากที่ลูกค้าได้ใช้แล้ว ก็ไม่เห็นผลสักที จึงทำให้ลูกค้าไม่คิดจะซื้อมาใช้ต่อ เมื่อเราเจอลูกค้าลักษณะนี้ สิ่งที่เราควรทำคือพูดเน้นจุดเด่นของสินค้าของเรา สร้างประสบการณ์ดีๆให้ลูกค้าอยากใช้
อ่านเพิ่มเติม : 4 สิ่งที่บริษัทควรทำ หากอยาก ได้ใจลูกค้า !
รู้เขารู้เรา เพียงเท่านี้ เราก็จะสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายของสินค้าของเราได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญยังทำให้เราสามารถวางแผนรับมือกับลูกค้าลักษณะต่างๆที่เราจะเจอได้อีกด้วย รับรองว่าการสร้างลูกค้าให้กับสินค้าหรือธุรกิจของเรา จะไม่ยากเลยล่ะ