ปัจจุบันจะซื้อของมีราคาสักอย่าง สังเกตว่าเราไม่ค่อยใช้วิธีเก็บเงินนานๆ แล้วค่อยไปซื้อทีเดียวแล้ว เพราะสถาบันการเงินต่างๆ ก็งัดกลยุทธ์เพื่อให้เราซื้อของที่ได้อย่างรวดเร็วดังใจ ผ่านบัตรใบเดียว ซึ่งก็นับเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายดี ตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้ตรงประเด็น จึงทำให้เราต้องรับภาระผ่อนส่งสิ่งของต่างๆ ในแต่ละเดือน บางคนผ่อนของหลายๆ อย่างพร้อมกัน จนเกิดเป็นปัญหาหมุนเงินไม่ทัน วันนี้เราจึงมีวิธีการ ลดหนี้ แค่ไม่ผ่อน มาฝากกัน
แม้ข้อดีของการผ่อนของนั้น เรารู้สึกว่าไม่ต้องจ่ายเงินทีเดียวจำนวนมากๆ รู้สึกมีเงินติดกระเป๋า และสามารถดูแลระบบจัดการการเงินของตัวเองได้แน่นอน แต่นี่เป็นสิ่งที่สถาบันการเงินต่างๆ ลวงเราทั้งสิ้น เพราะการผ่อนของไม่ว่าจะถูกหรือแพง อย่างไรเสียเราก็ต้องจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการผ่อนของเรา ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งแพงมากขึ้น ซึ่งบางครั้งแค่จำนวนเงินที่เราจ่ายดอกเบี้ย มีมูลค่าเกือบเท่าราคาของที่เราซื้อด้วยซ้ำไป
แม้บางครั้งเราได้สิทธิ์ผ่อน 0% 10 เดือน 12 เดือน นั่นก็เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อหวังให้เราจับจ่ายใช้สอย ตามวงเงินในบัตรของเราทุกๆ เดือนนั่นเอง และผลประโยชน์ก็จะตกไปอยู่ที่ธนาคารและร้านค้าคู่ค้าของธนาคารล้วนๆ ส่วนเราก็เป็นหนี้กับยาวๆ ต่อไป
หลายคนอาจจะบอกว่า สิ่งของบางอย่างเราก็จำเป็นต้องใช้ ซึ่งมันก็มีราคาสูงเกินกว่าที่เราจะสามารถใช้เงินที่มีอยู่ซื้อได้ ในกรณีนี้ สิ่งที่ควรทำคือสำรวจความสำคัญ และความจำเป็นของสิ่งของที่เราจะซื้อ หากจำเป็นต้องใช้อย่างเร่งด่วนก็อาจจะต้องตรวจสอบราคาตามห้างร้านต่างๆ เพื่อหาราคาที่เหมาะสม ควรค่าแก่การผ่อนจ่าย แต่ถ้าหากยังไม่จำเป็นมาก อยากเสนอให้เก็บออมทีละเล็กทีละน้อย แล้วถือเงินสดไปซื้อจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเกินราคาของ และเพิ่มหนี้ให้กับตนเอง
ของประเภทไหนที่ไม่สมควรแก่การผ่อน? คำตอบคือ ของใช้ฟุ่มเฟือยต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ (ราคาแพงเกินตัว) เครื่องประดับ กระเป๋า ของใช้ภายในบ้านที่หรูหราเกินควร (ทีวีจอใหญ่) สิ่งของเหล่านี้เรียกว่าจำเป็นก็จำเป็น เรียกว่าไม่จำเป็นก็ไม่จำเป็น เพราะสำหรับบางคนไม่ลำบากอะไรที่จะจ่ายและพร้อมผ่อนไปเรื่อยๆ สบายๆ แต่กับบางคนที่ไม่ได้มีความจำเป็นมากมายขนาดนั้น ก็ไม่ควรอยากใช้ของราคาแพงเช่นนี้ เพราะสิ่งของเหล่านี้เราสามารถซื้อได้ด้วยเงินสด เพียงแต่เราต้องเลือกอันที่ถูกกว่าหน่อย เพียงแค่เราควรให้ความสำคัญของประโยชน์ใช้สอยให้มากกว่ายี่ห้อของมัน เราจะได้ไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนี้เพราะหัวสูงยังไงล่ะ!
แล้วของแบบไหนที่เราควรผ่อน? คำตอบคือ สิ่งของที่ต่อยอดให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้น หรือสิ่งของที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตการทำงานของเรา อย่างเช่น รถ บ้าน อย่างรถนี่ก็นับว่ามีความจำเป็นต่อหน้าที่การงานของเราเหมือนกัน งานบางตำแหน่งต้องมีรถประจำตัว เพื่อใช้ในการติดต่อพบปะลูกค้า หรือบางคนที่ทำงานอยู่ไกลจากบ้านมากๆ ก็ขับรถไปกลับสะดวกกว่านั่งรถโดยสาร โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัวแล้ว การเดินทางไปไหนมาไหน การใช้รถส่วนตัวก็จะสะดวกกว่า แต่ถึงกระนั้นยิ่งจะต้องวางแผนก่อนการทำสัญญาซื้ออย่างรอบครอบ เพราะสินค้าเหล่านี้เวลาผ่อนต้องใช้เวลานานมา อย่างต่ำก็ 5 ปี หรืออย่างมากสุด 8 ปี ซึ่งอย่างที่บอกไปว่ายิ่งใช้เวลานานก็ยิ่งดอกเบี้ยสะสมมากยิ่งขึ้น
ตั้งแต่เราสามารถผ่อนของด้วยบัตรเครดิตใบบางๆ ได้อย่างทุกวันนี้ สังเกตกันไหมว่ามันทำให้เราลดความยับยั้งชั่งใจในการใช้เงินของเราน้อยลง เราอยากได้อยากมีมากยิ่งขึ้น เราไม่สนใจว่าเงินเดินของเรามากน้อยเท่าไหร่ ในเมื่อเราสามารถผ่อนจ่ายได้เราก็ไม่ได้เดือนร้อน ทั้งที่จริงๆ เรากำลังผ่อนส่งชีวิตของเราเอง ด้วยการให้สิ่งของมากำหนดค่านิยมของเรา เมื่อเห็นว่าใครมี เราก็อยากมี เมื่อเห็นว่าใครได้ เราก็ต้องได้ ซึ่งนับเป็นการใช้ชีวิตผิดๆ ของคนในสมัยนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
แม้การผ่อนจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราได้ของที่อยากได้มา แต่วิธีการเก็บหอมรอบริบแบบเดิมๆ ก็ทำให้เราได้ของมาเช่นกัน หากแต่จะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ข้อดีของมันคือทำให้เรารู้จักอดทนมากยิ่งขึ้น รู้จักการรอคอย และเราก็จะเห็คุณค่าของของสิ่งนั้น จากความเพียพยายามของเรา ไม่กลายเป็นคนที่อยากได้อะไรเกินตัว มีความพอเพียงในสิ่งที่ตัวเอง และไม่ได้อยากในสิ่งที่ตัวเองไม่สมควรได้ ที่สำคัญ การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐที่สุดแล้ว
อยากให้ทุกคนลด ละ และเลิกการมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบต้องผ่อน เพราะมันเป็นค่านิยมที่ไม่ได้ดีต่อตัวเราเสียเลย แม้หลายคนจะบอกว่าการถือบัตรเครดิตจะปลอดภัยกว่าเงินสด แถมยังดูมีรสนิยมกว่าการใช้เงินสด แต่เคยได้ยินหรือไม่ว่าคนเหล่านี้ดูดีแค่ภายนอก เพราะมีหนี้ที่ต้องจ่ายตลอดเวลา จากการใช้เงินในอนาคต หากใครที่ไม่ต้องการมีชีวิตเช่นนั้น ทางออกที่ดีที่สุด คือ รู้จักพอ พอดี พอใจ กับชีวิตที่เป็นอยู่ของตนเอง แล้วเราจะมีชีวิตที่ปลอดหนี้ ต้องต้องผ่อนส่งชีวิตนี้มให้ใคร!