ในสภาวะที่หนี้สิ้นคุกคามชีวิตส่วนตัวนั้น หลายคนสามารถตั้งมือรับกับหนี้สินได้ดี เพราะมีการบริหารจัดการที่มีระบบ และไม่เพิกเฉยต่อการจัดการหนี้สินที่ตนเองมี ซึ่งหลายบทความที่เราได้กล่าวถึง วิธีการจัดการกับหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินเชื่ออื่นๆ แต่ก็ไม่มีสูตรที่ตายตัวว่า มีหนี้เท่านั้นเท่านี้จะแก้ไขปัญหาอย่างไรได้ เพราะบางคนมีหนี้น้อยก็ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการปลดหนี้ เพียงแค่หยิบยืมเงินจากคนรอบข้างมาชำระก็จบ แต่บางคนหนี้ก้อนโต ก็ต้องกู้หนี้ยืมสินมาโปะ และก็เป็นหนี้เพิ่มต่อไปอีกเรื่อยๆไม่จบ แต่เมื่อชำระหนี้จนจบแล้วก็มีคำถามว่าประวัติจะเสียไหม
คำถามว่าประวัติเสียไหมเมื่อเป็นหนี้ เสียแน่นอนครับ ไม่ต้องสงสัย เพราะเมื่อเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อใดก็ตาม ประวัติค้างชำระหรือผิดนัดชำระจนถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย และมีผลบังคับจากศาสให้ทำการชำระจะถูกส่งยื่นไปอยู่ในแฟ้มของสถาบันเครดิตบูโร และประวัติจะถูกเก็บไว้ในแฟ้มอย่างน้อย 3 ปี นับจากวันที่คุณปิดหนี้ ในระหว่าง 3 ปีนี้ คุณจะไม่สามารถทำการขอสินเชื่อหรือสมัตรเครดิต บัตรกดเงินสด กู้ยืม ใดๆกับทางสถาบันการเงินได้เลย แต่ก็มีช่องทางอื่นที่สถาบันการเงินที่เรียกว่า Non Bank สามารถช่วยคุณได้หากจะต้องขอสินเชื่อ แต่เราจะไม่ขอกล่าวในส่วนนี้ เพราะผู้เขียนไม่สนับสนุนการมีหนี้เพิ่ม
เมื่อครบ 3 ปีที่ประวัติของคุณที่อยู่ในแฟ้มของสถาบันเครดิตบูโรก็จะถูกลบ คุณก็จะเป็นไทจากประวัติที่ค้าง แต่ต้องแจ้งอย่างตรงไปตรงมาว่าประวัติของคุณจะยังคงค้างอยู่ในธนาคารตลอดไปไม่มีวันที่ประวัติเสียของคุณจะหลุดพ้นหรือรอดสายตาของธนาคารที่คุณมีประวัติค้างชำระได้ ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะทำธุรกรรมหลังจาก 3 ปีแล้ว คุณสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ใช่สถาบันการเงินเดิมกับที่คุณเคยมีประวัติ เพราะหากคุณยื่นเรื่องขอสินเชื่อกับทางสถาบันการเงินเดิม ประวัติของคุณก็จะเด้งขึ้นมาทันที และโอกาสที่คุณจะขอสินเชื่อหรือสมัครบัตรเครดิตผ่านมีโอกาสน้อยมาก นอกจากว่าในช่วง 3 ปี คุณมีประวัติการเงินที่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้นมหาศาล ธุรกิจของคุณมีรายได้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว สถาบันการเงินอาจจะพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
ดังนั้น อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อคุณเป็นหนี้ ต่อให้คุณหลุดจากเครดิตบูโรแล้ว แต่ประวัติก็จากตามเป็นเงาตามตัวคุณไปตลอดชีวิต นี้จึงเป็นเหตุผลที่ผู้เขียนยํ้าอยู่เสมอว่า หนี้ที่เกิดขึ้นจากการขาดวินัยไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ แม้ว่าคุณจะมีความจำเป็นที่จะต้องเป็นหนี้ ก็ไม่ควรปล่อยให้หนี้ที่คุณเพิ่มจนคุณแก้ไขไม่ได้ และนำไปสู่การฟ้องร้องและบังคับชำระหนี้ที่คุณเป็นผู้ก่อ