แก้วตาดวงใจของแต่ละครอบครัว จนบางทีก็ลืมสามีไปกันเลยทีเดียว เรื่องของลูกมีให้คิดไม่จบไม่สิ้น มีอะไรต้องวางแผนมากมาย และเรื่องการเงินเพื่ออนาคตของลูก ก็เป็นอีกสำหรับการวางแผนทางการเงิน เพราะหากไม่ริเริ่มคิดตอนนี้ เมื่อลูกได้เติบโตเชื่อได้เลยว่ายิ่งโตขึ้นการใช้จ่ายในบ้านก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว อีกทั้งหากการเงินไม่คล่องตัวจะเป็นเรื่องที่ยุงยากและลำบากเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ดังนั้นวันนี้ก่อนที่อะไรๆจะสายเกินแก้ บอกได้เลยว่าคุณต้องหมั่นเรียนรู้ วิธีการออมเงิน ให้เป็นอย่างดี เพราะวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ หรือเสียดาย และทุกข์ใจในภายภาคหน้ากันนั่นเอง
หลักการออมเงิน
ง่ายๆโดยใช้หลักออมก่อนใช้ และใช้อย่างประหยัด สิงไหนจำเป็น สิ่งไหนไม่จำเป็นก็ต้องพิจารณาเป็นอย่างๆไป พร้อมกันกับสอนลูกให้รู้จักคุณค่าของเงิน อาจจะไม่เข้าใจในวันนี้ แต่พอลูกๆโตขึ้นก็อาจจะซึมซับและเข้าใจเอง ยอมรับตามตรงว่า บางครั้งเราก็ใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็นไปบ้างเหมือนกัน แต่ใช้หลักพื้นฐานคือ เราออมก่อนใช้ แท้จริงแล้วรูปแบบของการออมเงินนั้นมีหลากหลายวิธี เช่น เงินฝากประจำ และฝากไม่ประจำ หุ้น พันธบัตรรัฐลาล กองทุนรวมต่างๆ หรือการออมเงินในรูปแบบของกรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งแต่ละแบบจะแตกต่างกันไป ดอกเบี้ย ความคุ้มครองชีวิต และสุขภาพ เป็นต้น ซึ่งการเลือกแหล่งออมเงินนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก ควรเลือกให้เหมาะสมกับตัวของเจ้าของบัญชีหรือของแต่ละบุคคล การสร้างวินัยการออมที่ดีนั้น วิธีการออมเงินอย่างไรบ้าง โดยวิธีการออมเงินเพื่อลูกมีดังนี้
ออมในรูปแบบของกรมธรรม์ประกันชีวิต
ประกันชีวิตนั้นมีหลากหลาย แบ่งง่ายๆตามความเข้าใจคือระยะสั้นกับระยะยาว
- ระยะยาว (เน้นความคุ้มครองชีวิต) จากไปคนรักไม่เดือดร้อน เหมาะสำหรับคนข้างหลัง ได้แก่ บุตร ภรรยา – สามี สิ่งนี้ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวควรจะพึงมีค่ะ จะได้เงินก้อนก็ต่อเมื่ออายุ 80-99 ขึ้นอยู่กับแบบประกันที่ซื้อไว้ด้วย
- ระยะสั้น จะมีระยะกำหนดเพียงสั้นๆ เช่น 15 ปี /20 ปี แล้วได้เงินก้อนคืน (จะมากหรือน้อยกว่านี้ก็มี แต่ละบริษัทแตกต่างกันออกไป เมื่อครบกำหนดความคุ้มครองทุกอย่างจะสิ้นสุดลง หากทำตอนลูกเล็ก เมื่อเค้าจบมัธยมปลายหรือกำลังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยก็จะมีเงินก้อสำรองไว้ในบัญชีแถมยังให้เราได้อุ่นใจทุกครั้งเมื่อเรานึกถึงเงินที่เราเก็บออมไว้การทำประกันสุขภาพควรทำควบ ควบคู่กับการออมเงิน เพราะเด็กๆวัยแรกเกิด – 6 ขวบ นั้นจะป่วนบ่อยมาก นอน โรงพยาบาลเอกชนครั้งหนึ่งๆ เฉลี่ยก็คืนละหมื่นโดยประมาณ การทำประกันสุขภาพนั้น ให้พิจารณาถึงค่าห้องของ โรงพยาบาลที่ใช้บริการ (ประกันแต่ละที่จะจ่ายไม่เหมือนกัน ให้อ่านรายละเอียดดีๆ ว่า ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าพยาบาลรวมกันหรือไม่ หรือบางทีจะแยกค่าพยาบาลออกมาอยู่ในค่าใช้จ่ายอื่นๆ ) ค่าชดเชยรายวันเมื่อนอนโรงพยาบาล บางทีอาจจะไม่จำเป็นสักเท่าไร (แอบคำนวณว่า เบี้ยแพงไหม ถ้าไม่แพงก็จัดไปเลยค่ะ ) หรือค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก ประกันจะจำกัดจำนวนครั้งในการเบิก ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราซื้อผู้ป่วยนอกไว้ครั้งละเท่าไร หากมีการเคลมบ่อยครั้ง ปีต่อๆ ไปเบี้ยประกันผู้ป่วยนอกจะปรับขึ้นค่ะ ไม่ว่าจะซื้อประกันใดๆให้ลูกก็ตาม คำนวณงบประมาณในกระเป๋าด้วยนะคะ รายเดือนดูผ่อนสบายๆ รายปีจะดูถูกกว่า การผ่อนแบบรายเดือน และที่สำคัญการทำประกันนั้นจะมีส่วนหนึ่งที่คุ้มครองผู้ชำระเบี้ยด้วย
ออมในรูปแบบของการฝากธนาคาร (กินดอกเบี้ย)
การฝากธนาคารก็เช่นกัน มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะฝากประจำ (3 เดือน 6 เดือน) หรือ ฝากไม่ประจำ
- เปิดบัญชีเงินฝากประจำ เลือกธนาคารตามชอบนะคะ จะฝากเดือนละเท่าไรก็ว่ากันจะได้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ตามนโยบายของธนาคาร ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องนำออกมาก่อน อัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนไปนะคะ การฝากประจำนี้ดีคือ มันเอาออกมายาก ทำให้เรามีวินัยในการออมเงินค่
- ฝากไม่ประจำ ก็เลือกธนคารตามดอกเบี้ยอีกเช่นกัน จะมีโทรโมชั่นมาเรื่อยๆ ก็เลือกที่ชอบค่ะ มีก็ใก ไม่มีก็ไม่ฝาก บางทีก็ แกะกระปุกออมสินลูกไปฝาก ฝึกให้เค้าหยอดกระปุกออมสินทุกๆวัน บางธนคารก็จะให้อัตราดอกเบี้ยดีหน่อย
- กองทุน เป็นการลงทุนที่มีควาเสี่ยงต่ำอันนี้ก็ซื้อไว้เพื่อลดหย่อนภาษี เป็นแหล่งเงินออมยามเกษียณ และสามารถใช้เป็นทุนการศึกษาให้ลูกได้ด้วยเมื่อเค้าโตๆๆขึ้น
- หุ้น ลงไปบ้างเป็นช่วงๆ เนื่องจากเบี้ยอันน้อยนิด อาจจะไม่เห็นผลมาก นัก อีกทั้งการลงทุนยังมีความเสี่ยง
ยังมีอีกหลากหลายวิธีให้ออม และที่สำคัญเราควรปลูกฝังลูกให้รู้จักค่าของเงิน การออมเงิน นะคะ มีเงินก้อนนี้ไว้ให้หนู ให้หนูได้มีทุนชีวิต ตามหาฝัน ตามหาชีวิตของลูกเอง ให้ลูกสามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ถ้ามีพื้นฐานดีๆ ทางด้านการออมเงินที่ดี อนาคตข้างหน้าก็จะดีตามเชื่อแบบนั้น หรือการใช้ชีวิตต่างๆ จะอยู่กับหนูไปตลอดกาล เพื่อเป็นการเริ่มต้นการเติบโตที่ดี จะต้องสอนลูกหลานให้รู้จัก การวางแผน และการใช้เงินให้เป็นอย่างดีกันด้วยนะคะ อย่าลืมว่าปลูกฝังที่ละเล็กน้อยก็จะซึมซับเข้าไปเอง