เชื่อว่าหลายคนคงต้องเคยเจอกับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเพื่อต้องการขายประกัน โดยเขาน่าจะได้รายชื่อและเบอร์โทรเรามาจากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เราถือบัตรเครดิตอยู่ เมื่อเริ่มต้นใช้บัตรเครดิตไปสักระยะเวลาหนึ่ง จะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา พร้อมเสียงปลายทาง “สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ โทรจากบริษัทประกัน…….ได้รับมอบหมายจากธนาคาร….เพื่อนำเสนอประกันพิเศษที่มอบให้กับผู้ถือบัตรเครดิต……” หากคุณตอบตกลงตามขอเสนอของบริษัทประกัน คุณก็จะต้องชำระเบี้ยประกันรายเดือน โดยหากเราตกลงซื้อประกันทางโทรศัพท์นั้น ค่าเบี้ยประกันไม่ว่าจะเป็นรายเดือนหรือรายปีก็จะตัดผ่านบัตรเครดิตของเราตามงวดที่ตกลงกัน โดยตัดยอดจากบัตรเครดิตในแต่ละเดือน แต่หากคุณตอบตกลงไปแล้ว แต่มาวันหนึ่งคุณรู้สึกว่าเป็นภาระต่อรายจ่ายของคุณ คุณสามารถทำการยกเลิกสัญญาประกันได้ด้วยวิธีการนี้ ที่สามารถนำไปใช้ได้ เพื่อแก้ไขปัญหาและความกังวลใจที่เกิดขึ้น
บ่อยครั้งที่เราจะได้ยินข่าวหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการทำประกันผ่านบัตรเครดิตในทางที่ไม่ค่อยดีนัก เช่น โดยหลอกขายประกันโดยเจ้าหน้าที่บอกว่า ลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตทุกคนทำประกันหมดหรือเผลอพูดตกลงทำไปแบบมึนงง ส่วนมากเจ้าหน้าที่ ๆ โทรมามักจะเริ่มด้วยการบอกว่าเราเป็นผู้ได้รับคัดเลือกให้นำเสนอโปรโมชั่นพิเศษตามนี้ แล้วก็อธิบายยาว ๆ ไป เจ้าหน้าที่ ๆ โทรมามักมีคุณสมบัติพิเศษในการตื๊อ หากไม่ว่างคุยอยากวางสายก็มักเชิญชวนให้ลองฟังดูก่อน หากเผลอฟังไปแล้วก็ยาวบางทีจะวางสายยังยากเลย
การฟังข้อเสนอการขายประกันผ่านทางโทรศัพท์นั้น ข้อแนะนำ ก็คือ เราควรอยู่ในสถานะที่ว่างและสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ หากเราไม่อยากพลาดโอกาสที่ดีจริง ๆ ก็ควรนัดให้เจ้าหน้าที่โทรมาใหม่ในเวลาที่เหมาะสม เราต้องมีเวลาว่าง เงียบ สามารถนั่งคุยเพื่อสอบถาม พิจารณารายละเอียดของประกันเพิ่มเติมได้ แต่หากเจ้าหน้าที่โทรมาในขณะที่เราไม่พร้อม ไม่ว่าง ไม่สะดวกคุย ก็ขอให้ปฏิเสธการพูดสายไป ต้องใจแข็ง เจ้าหน้าที่เขามีหน้าที่ต้องหว่านล้อมเพื่อให้เราฟังอยู่แล้ว พูดไปตรง ๆ เลยว่าตอนนี้ไม่สะดวกแม้ฟังไปก็คงไม่อาจตัดสินใจอะไรได้ น้องเอาเวลาไปโทรหาลูกค้าที่เขาพร้อมฟังก่อนดีกว่านะคะ พูดไปแบบนี้น่าจะได้ผลกว่า ตอบบ่ายเบี่ยงแค่ไม่ว่างคุย หากไม่สำเร็จต้องตัดบทแล้ววางสายไปเลยอย่าไปคิดมาก
มีกรณีที่หลายคนยอมฟังเจ้าหน้าที่ทั้งที่ไม่พร้อม ฟังไปยืดยาว ยังไม่ค่อยเข้าใจรายละเอียดก็ถูกเจ้าหน้าที่รวบรัดให้ต้องตอบตกลง เพื่อบันทึกว่าเรายินยอมตามเงื่อนไขและจะมีการตัดเงินในบัญชีบัตรเครดิตของเรา พร้อมกับส่งกรมธรรม์มาให้ หากเราพูดคำว่าตกลงไปเมื่อไหร่ทางเจ้าหน้าที่จะมีการอัดเสียงของเราไว้เป็นหลักฐาน นั่นก็หมายความว่าเราตกลงยินยอมตามเงื่อนไขที่ได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์นั้น แต่หากเรายังไม่ได้พูดว่าตกลงก็ถือว่ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทีนี้หากกรณีที่เราหลวมตัวพูดตกลงไปมีไม่น้อยเช่นกันที่โดนหว่านล้อม หรืออาจเพราะตัดความรำคาญทำให้พูดตกลงไป พอวางสายจัดการธุระเสร็จสรรพมีเวลามานั่งพินิจพิเคราะห์กลับรู้สึกว่าที่จริงเราไม่ได้อยากทำประกันตัวนี้เลย ทำอย่างไรดีล่ะทีนี้จะยกเลิกได้หรือไม่จะยกเลิกทันหรือเปล่า ยอดเงินจะมาตัดบัญชีบัตรเครดิตเมื่อไหร่ กลัวยกเลิกไม่ได้ ยกเลิกบัตรเครดิตไปเลยดีไหม หรือว่าโทรไปยกเลิกกับธนาคารได้หรือเปล่า คำถามต่าง ๆ นานา เหล่านี้ก็ผุดขึ้นมาทันที
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตของเราจะไม่สามารถยกเลิกการทำประกันผ่านบัตรเครดิตของเราได้ เราต้องโทรยกเลิกกับบริษัทประกันที่โทรติดต่อมาเท่านั้น ธนาคารอาจแค่ให้ข้อมูลชื่อหรือเบอร์ติดต่อของลูกค้ากับทางบริษัทประกันไปเท่านั้น หากเราอยากยกเลิกให้ติดต่อกลับไปที่บริษัทประกันนั้นโดยเร็วที่สุด หากไม่ทราบว่าเป็นบริษัทประกันอะไรที่โทรมา ก็ให้เอาเบอร์ที่เจ้าหน้าที่โทรเข้ามาไปสอบถามกับทางธนาคารก็ได้ว่าเป็นเบอร์โทรของบริษัทประกันอะไร เมื่อโทรไปติดต่อก็ให้บอกชื่อ นามสกุล พร้อมวันและช่วงเวลาโดยประมาณที่เราพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ เพื่อบริษัทจะค้นข้อมูลได้
การทำประกันภัยผ่านบัตรเครดิตจะต้องมีขั้นตอนในการบันทึกเข้าระบบ หากเราโทรติดต่อยกเลิกได้เร็วก็อาจยกเลิกในระบบได้ทัน โดยที่ยังไม่มีการออกกรมธรรม์ สิ่งสำคัญที่จะมั่นใจว่าได้รับการยกเลิกแล้ว ก็คือ ทางเจ้าหน้าที่จะให้เราพูดคำว่า ขอยกเลิกการทำประกัน แล้วบันทึกเสียงไว้ แบบนี้ถึงจะเป็นยกเลิกจริง ๆ ต้องอย่าลืมอีกอย่างที่สำคัญ ก็คือ ให้สอบถามชื่อและเบอร์โทรติดต่อของเจ้าหน้าที่ทำการยกเลิกประกันให้เราไว้ด้วย เผื่อกรณีที่เกิดปัญหาอะไรขึ้นในอนาคต เช่น ประกันไม่ได้ถูกยกเลิก ยังมียอดเข้ามาตัดบัตรเครดิต เราจะได้ทราบว่าต้องติดต่อใคร มีเช่นกันที่โทรกลับไปตามเบอร์ที่โทรติดต่อมาไม่ได้หรือไม่มีคนรับสาย ก็ขอให้เดินทางไปติดต่อที่บริษัทโดยตรง โดยให้พกบัตรประชาชนไปด้วย เพื่อไปทำเรื่องยกเลิกที่บริษัทโดยตรง
ส่วนกรณีที่ทำการตกลงทำประกันผ่านบัตรเครดิตไประยะหนึ่งแล้ว แต่ภายหลังมาพิจารณาดูแล้ว อยากยกเลิก ก็ยังสามารถทำได้เช่นเดียวกัน โดยจะต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรระบุว่าต้องการยกเลิกกรมธรรม์เล่มไหน พร้อมแนบกรมธรรม์เล่มจริง สำเนาบัตรประชาชนที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ส่งไปยังบริษัทประกันด้วยการส่งแบบไปรษณีย์ลงทะเบียน ย้ำว่าต้องเป็นการส่งแบบลงทะเบียนเพราะสามารถอ้างอิงได้ค่ะ หากยกเลิกด้วยวิธีนี้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับกรมธรรม์ก็ถือว่ายกเลิกได้ทัน หากมีค่าเบี้ยประกันที่เข้าในบัญชีบัตรเครดิตทางบริษัทประกันก็จะต้องคืนเงินให้กับลูกค้าด้วย แต่หากยกเลิกด้วยวิธีนี้ภายหลังจาก 30 วัน นับจากวันที่ได้รับกรมธรรม์ก็ถือว่ายกเลิกไม่ทัน กรมธรรม์ได้เดินแล้ว หากยังยืนยันอยากยกเลิกก็ทำได้เพียงแต่อาจจะไม่ได้รับค่าเบี้ยคืนหรือได้รับคืนแค่เท่ากับมูลค่าเวนคืนในกรมธรรม์เท่านั้น การส่งเอกสารไปยกเลิกแบบเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมกรมธรรม์นี้จะทำให้มั่นใจว่ากรมธรรม์ได้ถูกยกเลิกแน่นอน
โทรศัพท์เพื่อติดต่อไปที่บริษัทประกันที่ทำสัญญาและแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกสัญญา จากนั้น ธนาคารจะให้ลูกค้าทำการส่งสำเนาบัตรประชาชนไปที่บริษัทประกัน โดยลูกค้าต้องทำการเขียนข้อความเพื่อขอยกเลิกสัญญา พร้อมระบุเลขที่กรมธรรม์ที่ได้ระบุไว้บนสัญญา เมื่อเขียนบันทึกเสร็จสิ้นให้ทำการส่งแฟ็กซ์กลับไปที่บริษัทประกัน
ขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่สามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีที่รู้สึกอึดอัดและไม่อยากที่จะส่งเบี้ยประกันรายเดือนอีกต่อไป และเหมือนจะเป็นภาระรายเดือนที่ตนเองต้องแบกรับไว้ โดยที่การทำประกันไม่ควรที่จะพ่วงกับบัตรเครดิต แต่ควรเลือกซื้อประกันต่างหาก
หากมีข้อสงสัยต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ลูกค้าสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186 หรือหากต้องการร้องเรียนเรื่องประกันก็ร้องเรียนได้ที่ คปภ. หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ