วัยเด็ก เป็นวัยแห่งการเรียนรู้ที่พร้อมรับข้อมูลต่างๆเข้าไปบรรจุอยู่ในสมอง ซึ่งการเรียนรู้ของพวกเขานั้น ส่วนใหญ่เริ่มมาจากการเลียนแบบพฤติกรรมของคนรอบตัวที่เขามองเห็นได้บ่อยๆ โดยเฉพาะผู้ปกครอง เพราะถือเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดเขามากที่สุดนั่นเอง ดังนั้นการจะสอนลูกให้รู้จักเก็บเงินและเป็นเศรษฐีได้นั่นก็ต้องเริ่มต้นจากพ่อแม่นี่ล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นหากคุณอยากให้ลูกเติบโตพร้อมก้าวไปสู่การเป็น เศรษฐี ได้ล่ะก็ อย่าลืมเป็นตัวอย่างให้กับเขาด้วยนะ
ในโลกปัจจุบัน เด็กๆมีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆทางเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น ทำให้พวกเขารับรู้ข้อมูลต่างๆที่ไม่เหมาะสม จนเผลอเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในแง่ของการฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเกินตัว คิดว่าทุกอย่างบนโลกนี้ได้มาง่ายๆโดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องลงทุน เพราะเพียงแค่เอ่ยปากขอ พ่อแม่หรือผู้ปกครองก็พร้อมที่จะเสาะหามาให้อยู่แล้ว ดังนั้น คุณควรเริ่มต้นสอนความรู้ด้านการเงินที่จำเป็นกับพวกเขาตามหัวข้อแนะนำด้านล่างนี้
1. เป็นตัวอย่างที่ดีของพวกเขา
ตามที่บอกไป เด็กๆมักมองคุณเป็นแบบอย่างเสมอ ดังนั้นพฤติกรรมของคุณเองก็มีส่วนจูงใจให้พวกเขาทำตามอย่างได้เช่นกัน เช่น คุณทำกับข้าวไม่เป็น แต่ไม่มีความคิดที่จะฝึกหัด เพราะสามีให้ค่าใช้จ่ายไว้ใช้ต่อเดือนค่อนข้างสูง คุณจึงพาลูกไปนั่งทานอาหารตามร้านต่างๆในห้างทุกวัน และบางครั้งก็แทบทุกมื้อ ทำให้เด็กๆเติบโตขึ้นไปพร้อมกับความคิดที่ว่า พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องการทำอาหารให้ยุ่งยาก เพราะพ่อแม่ยังไม่ทำเลย มาซื้อทานตามร้านง่ายกว่ามาก หรือในบางครั้งที่คุณพาเขาเดินช็อปปิ้ง คุณใช้บัตรเครดิตรูดสินค้าฟุ่มเฟือยหลากหลายชนิดต่อหน้าเขา นั่นก็จะทำให้เขาสรุปไปเองจากภาพที่เห็นว่า ไม่มีเงินก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็ทำบัตรเครดิตมารูดเอาสิ ทั่งเท่ ทั้งง่าย ไม่ต้องเสียเวลาอีกด้วย
ดังนั้น ก่อนจะเริ่มสอนเขา คุณต้องหันมานั่งพิจารณาตัวเองก่อน ว่าคุณมีข้อบกพร่องทางด้านการเงินข้อไหนบ้าง เวลาสอนเขา คุณจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามโลกแตก ว่าทำไมเขาทำแบบนั้นไม่ได้ แต่คุณทำได้ เป็นต้น เมื่อพิจารณาตัวเองและปรับปรุงตัวเองใหม่ได้แล้ว ก็เตรียมพร้อมสอนลูกน้อยกันเลย และอย่าลืมว่าสอนด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ คุณเองจะต้องสอนเขาด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขาด้วย
2. สอนให้เขาได้รู้ ว่าไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ
ถ้าเขาอยากได้อะไร คุณต้องมีข้อแลกเปลี่ยนก่อนที่จะให้มันแก่เขา เพื่อสอนให้เขามีความอดทน และมุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ของสิ่งนั้นมา ซึ่งวิธีการสอนก็มีหลายรูปแบบ เช่น เก็บเงินเอง หรือทำงานแลกเงิน เป็นต้น แต่ทั้งนี้คุณจะต้องเข้มแข็งพอที่จะไม่ยอมใจอ่อนเสียก่อน อาจจะดูใจร้ายไปสักหน่อย แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลูกของคุณเอง
ยกตัวอย่างเช่น เขาอยากได้โทรศัพท์มือถือ ซึ่งราคาค่อนข้างสูง คุณต้องเสนอให้เขาเก็บเงินเอาเองครึ่งหนึ่งของยอดเงินที่จะซื้อ ถ้าทำสำเร็จ คุณจะออกให้อีกครึ่งหนึ่งทันที วิธีนี้จะช่วยให้เขามีความพยายามและประสบความสำเร็จในเรื่องการออมและการวางแผนทางการเงินขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เขาภูมิใจที่ได้เก็บออมเงินด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ยังอาจจะทำให้เขารู้จักคุณค่าของเงินมากขึ้นอีกด้วย
หรือ ถ้าที่บ้านคุณมีกิจการ คุณให้เขารับจ้างทำงานให้ที่บ้านโดยตกลงค่าจ้างเป็นรายวัน จนกว่าจะครบตามยอดเงินที่เขาอยากได้ วิธีนี้ เขาจะได้เรียนรู้เรื่องกิจการของคุณโดยทางอ้อม และกลายเป็นคนขยัน ไม่เกี่ยงงานหนักในอนาคต
3. สอนวิธีเก็บออมในรูปแบบต่างๆให้แก่เขา
การเก็บออมมีมากมายหลายวิธี คุณสามารถเลือกวิธีไหนก็ได้มาสอนเขาตามความเหมาะสม ช่วงแรกๆในวัยเด็ก คุณอาจจะสอนวิธีการออมพื้นฐาน เช่นการหยอดกระปุกและฝากธนาคารไปก่อน พอเขาโตขึ้นมาอีกหน่อย ก็สอนให้เขารู้จักลงทุน ด้วยการเปิดกิจการเล็กๆหน้าบ้าน เช่นขายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำง่ายๆ เช่น น้ำผลไม้ปั่น,น้ำแข็งไส,แซนด์วิช เป็นต้น สอนให้เขารู้จักคำว่าต้นทุนและกำไร และการดูแลกิจการควบคู่กันไปด้วย นอกจากนี้ยังอาจจะสอนให้เขานำขนมไปขายเพื่อนๆ ในโรงเรียนและนำเงินกลับมาหยอดกระปุกได้อีกด้วยนะ ซึ่งนอกจากจะทำให้เขารู้จักหารายได้แล้วยังทำให้เขาไม่อายที่จะทำงานหาเงินอีกด้วย ไม่ว่าจะอาชีพใดๆ ก็ตาม
ทั้งหมดนี้ คือ วิธีสอนเด็กอย่างง่ายๆ ที่พอจะทำตามได้ไม่ยาก คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับเด็กๆในปกครองของคุณ โดยสอนอย่างมุ่งมั่นให้เขาเติบโตเป็นบุคคลที่มีความมั่นคงทางการเงิน ไม่ประสบสภาวะล้มเหลวในอนาคต และที่สำคัญ ควรสอนให้เขาเต็มใจเรียนรู้ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปบังคับพวกเขา เพราะการบังคับจะทำให้เขามองการเก็บเงินและการประหยัดในแง่ลบได้ ซึ่งก็อาจจะทำให้เขาเกิดความดื้อรั้นขึ้นมา แล้วทำตรงข้ามกับสิ่งที่คุณสอนจนกลายเป็นความล้มเหลวทางด้านการเงินได้นั่นเอง ทางที่ดีควรเริ่มสอนอย่างค่อยเป็นค่อยไป และทำให้การเก็บออมเงินเป็นเรื่องสนุก เพราะเด็กๆ มักชอบอะไรที่สนุกเสมอ