บอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าในยุคเลย์ออฟแบบนี้ เศรษฐกิจแบบนี้ อย่าได้ประหม่าในการทำงานของคุณอย่างเด็ดขาด ทางที่ดีตอนนี้คุณต้องขยันที่จะสร้างผลงานไว้ให้มากที่สดเท่าที่จะทำได้เลย เพราะวันนี้ความแน่นอนนั่นไม่แปลว่าคุณจะมีที่ยืนได้อยู่เหมือนปัจจุบันนี้ เพราะอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน ในหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ จากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ได้ปิดตัวลงอย่างกะทันหัน
อ่า … หลายคนคงจะนึกยังไม่ออกใช่มั้ยล่ะคะว่าจะเกี่ยวข้องกับตัวเองได้อย่างไร บอกได้คำเดียวเลยเกี่ยวค่ะ และเกี่ยวมาก เพราะเมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ปิดตัวลงนั้น อัตราการว่างงานก็สูงขึ้น หากคุณเป็นคนที่ไม่เอาถ่าน หรือไม่มีผลงานในที่ทำงานนั้น อย่างที่ทราบกันดีว่าแรงงานคนนั้นได้หาง่ายมากๆและนั่นก็อาจส่งไปไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการทำงานก็ว่าได้นะคะ
ดังนั้นวันนี้เมื่อคุณยังมีโอกาสอยู่นั้น ทางที่ดี และที่สำคัญเลย คือการที่คุณขยันที่จะสร้างผลงานให้มากๆ เพราะไม่ว่าทีไหนเชื่อเราเถอะว่าก็ต่างต้องการพนักงานที่ดีและมีความสามารถนั่นเองค่ะ
แต่ต้องพึงนึกเสมอว่า คำว่า ว่างงาน …คำนี้ไม่เข้าใครออกใคร และคุณมี หลักประกันมากน้อยแค่ไหน ถ้าถูกเลิกจ้างแล้วจะสามารถอยู่ได้ไม่ลำบาก มาสำรวจตัวเองกันว่าคุณมีความปลอดภัยเรื่องเงินแค่ไหน หากถูกลอยแพและต้องกลายเป็นคน ว่างงาน
เพื่อเป็นการเตรียมแนวทาง และวิธีการรับมือหากคุณต้องกลับกลายเป็นหนึ่งผู้โชคร้ายที่ได้กล่าวมาในขั้นต้นได้ปฏิบัติตัวกันนั้น ทางเราก็ได้จัดสาระเล็กๆน่ารู้เป็นเกร็ดความรู้ที่บอกได้เลยว่า เมื่ออ่านแล้วจะทำให้คุณมีความมั่นใจ หรือเป็นแนวทางสำหรับตัวเองมากยิ่งขึ้นหาก และเดินทางได้อย่างถูกต้องหากตกอยู่ในสภาวะเหล่านั้น ดังนี้ค่ะ
1. ก่อนอื่นเลยนะคะ คุณต้องมีเงินเก็บสำรองก่อนค่ะ เพราะหากถึงวันที่คุณจะตกงานจริงๆนั้น บอกได้เลยว่ารายได้ส่วนที่เคยได้เป็นประจำนั้นจะขาดไปเลยนะคะ แย่แล้วนะสิ…สำหรับคนที่ไม่ได้นึกถึงจุดนี้ บอกไว้ก่อนนะคะว่ารีบได้ก็รีบเลย เพราะวันนี้อาจไม่ทันการณ์เลยก็ได้ ต้องพึงนึกเสมอว่าตัวคนเดียวไม่มีภาระ เงินเก็บจำนวนที่ปลอดภัยที่สุด จะต้องมีให้ใช้จ่ายได้อย่างน้อย 3 ปี เพราะคุณไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และคาดเดาไม่ได้ว่าเรานั้นจะได้งานเมื่อไร หรือจะโดนให้ออกจากงานอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ได้ และหากคุณจะหันหน้าไปพึงใครที่ไหน ในยุคแบบนี้บอกได้คำเดียวเลยว่ายอกมากๆเลยนะคะ ดังนั้นวันนี้เรื่องเงินเก็บนี้นับได้เลยว่าเป็นจุดที่คุณควรคิดไว้เลย อย่าให้ถึงวันจริงๆแล้วมานั่งเสียใจเอาทีหลังมันจะไม่ทันการเอาเสียนะคะคุณ
2. หากเกิดการว่างงานจริงๆ อย่ามัวแต่ฟูมฟายจนลืมคิดเรื่องเงินที่คุณควรจะได้ และเป็นสิ่งที่คุณจะต้องได้อย่างประกันสังคมเป็นอันขาดเลยนะคะ โดยเงินตัวนี้นั้นมากจากเงินประกันสังคมที่เราส่งกันทุกๆ เดือนจะย้อนกลับมาให้ประโยชน์แก่คุณยามที่ว่างงาน โดยถ้าคุณลาออกจากงานจะได้เงินทดแทน 30% ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 90 วันภายในหนึ่งปี ซึ่งคุณต้องมาขึ้นทะเบียนบุคคลว่างงานทันทีหรือภายใน 30 วัน นะคะ แต่ถ้าเป็นอีกกรณีหนึ่งนั่นคือการที่คุณถูกเลิกจ้างจะได้เงินทดแทน 50% ของค่าจ้างครั้งละไม่เกิน 180 วันภายในหนึ่งปี ทั้งนี้ คุณก็ต้องไม่เลือกงานหรือการฝึกงานที่ประกันสังคมจัดหาให้ด้วย
3. อย่าพลาดที่จะทำประกันรายได้เสียล่ะ นึกถึงอนาคตวันข้างหน้าให้มากๆเข้าไว้นะคะ ประกันมีกรมธรรม์มากมายให้คุณเลือก หนึ่งในนั้นคือการประกันรายได้ ซึ่งมีผลดีอย่างมากในกรณีที่คุณว่างงานหรือไม่มีรายได้เหมือนอย่างเคย ภาระทั้งหมดที่คุณได้เคยแจ้งไว้ทางประกันจะเป็นคนช่วยเหลือเพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ซึ่งประกันจะประเมินจากรายรับและภาระที่คุณมีอยู่ด้วย
4. ลองที่จะเปิดใจในการที่จะเลือกที่จะทำงานใหม่ๆดูบ้างนะคะ เพราะมันอาจทำให้คุณได้ค้นพบ หรือทำให้คุณได้ทำงานในสิ่งที่คุณถนัดเลยก็ว่าได้นะคะ อย่ายึดติดว่าคุณสามารถทำงานได้เพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น ไห้คุณลองดูความสามารถอย่างอื่นด้วย อย่างเช่น หากคุณทำงานด้านการเงินมากว่า 10 ปี เมื่อถึงคราวเปลี่ยนงานคุณอาจจะสมัครในตำแหน่งอื่นๆ บ้าง เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเอง อาทิ เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ เจ้าหน้าฝ่ายขาย เป็นต้น อย่าให้ความสามารถของเราจำกัดการทำงานจนเกินไปนัก
5. การจัดการกับระบบการเงินของคุณเองในช่วงที่คุณไม่มีงานทำ เป็นเรื่องที่คุณต้องทำการคิดไว้แต่เนิ่นๆ โดยการจัดสรรปันส่วน แบ่งแยกให้ชัดเจนว่าเงินส่วนนี้สำหรับทำอะไร ส่วนไหนเป็นส่วนไหน เพื่อความมั่นใจได้เลยว่าในช่วงเวลาที่คุณไม่มีงานทำนั้น คุณจะมีเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายไปอีกสักระยะหนึ่งนั่นเองค่ะ และที่สำคัญอย่างเอามารวมกัน หรือทำการใช้จ่ายในเรื่องทีไม่สมควรเป็นอันขาดเลยนะคะ