สร้างความตื่นตระหนกตกใจอย่างมากมายต่อผู้ใช้งาน Facebook ในประเทศไทยและทั่วโลก เมื่อวันที่ 27/1/2015 เวลาประมาณ 13:00 Facebook เกิดอาการล่มโดยที่ผู้ใช้ในประเทศไทย ต่างคิดว่าเกิดจากรัฐบาลทดสอบระบบอะไรอีกหรือเปล่า สร้างความวิตกกังวลต่อผู้ที่ใช้งานเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนผูกตัวเองไว้กับ Facebook รวมถึงร้านค้าต่างๆที่เชื่อมต่อสินค้ากับลูกค้าด้วยหน้า Facebook Fanpage ต่างอยู่ในอาการละสั่มละส่าย หรือพูดแบบภาษาวัยรุ่นหน่อย คือ ลงแดง อาการลงแดงเป็นอาการเสพติดบางอย่าง แต่อาการเสพติดนี้เป็นอาการติด Facebook
Facebook ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันทั่วโลก เป็นเหมือนห้องนั่งเล่นที่คุณสามารถเดินเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนของคุณในห้องนั่งเล่นนั่น แบ่งปันเรื่องราวข่าวสารต่างๆที่คุณพบเจอ แบ่งปันรูปภาพ ระบายความในใจ เป็นห้องรวบรวมเรื่องราวต่างๆที่เป็นของคุณและของเพื่อนคุณ แต่เมื่อเวลานี้ Facebook ก็ไม่ได้เป็นเหมือนสิ่งแปลกปลอมในชีวิต แต่เป็นจุดนัดหมายที่คุณจะสามารถมีประติสัมพันธ์กับเพื่อนของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง คำถามจึงเกิดขึ้นมาว่า ถ้าวันหนึ่ง Facebook มีเหตุต้องอัตถารหายไปเหมือนกับ MSN, Hi 5 จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้คนทั่วโลก
- สิ่งแรกที่เกิดขึ้นแน่นอน คือ ความโกลาหลไปทั่วประเทศและทั่วโลก เพราะแค่ Facebook ล่มไปแค่ 40 นาที ทุกคนต่างทำการกด F5 รัว แต่แล้วก็ปรากฎว่าไม่สามารถเข้าหน้า Facebook เริ่มมีการส่งไลน์ถามเพื่อนๆว่าเข้า Facebook ได้หรือไม่ ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่ได้ ICT เอาอีกแล้วหรอ” แต่หลังจากที่ฝุ่นตลบกันอยู่ก็มีแหล่งข่าวที่ยืนยันว่า Facebook ถูกกลุ่ม Hacker เข้าไปทำลาย Server อย่างไรก็ตามทาง Facebook ก็ได้ออกมายืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่เกิดจากปัญหาทาง Facebook
- อีกกลุ่มหนึ่งก็เกิดอาการช็อก คิดไปต่างๆนาๆว่าทำยังไงดีถ้า Facebook “ล่มนาน จะทำยังไง” “แล้วจะคุยกับใคร” “จะขายของได้ไหม” “อุตส่าห์เอาสินค้าใหม่มาลง” สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาที่ Facebook ล่ม
จากอาการเบื้องต้นที่กล่าวมา สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยและสังคมทั่วโลกต่างมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป จากที่แต่ก่อนสามารถดำรงวิถีชีวิตได้โดยไม่มี Social Network เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พอเทคโนโลยีที่มนุษย์พัฒนาสร้างได้เข้ามาแทนที่ความเป็นอยู่แบบเดิม ส่งผลให้ชีวิตของมนุษย์ถูกยึดติดอยู่กับ Social Network หากจะพูดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่สังคมสามารถเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้น เพื่อนฟูงมีประติสัมพันธ์การมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารรวดเร็ว เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นนั้นคือประโยชน์ที่คุณได้รับ แต่เมื่อมองในมุมกลับของผลเสีย แต่นอนว่า Social Network ก็เป็นผู้ร้ายที่ส่งผลต่อสภาพความเป็นอยู่ของคุณในชีิวตประจำวันอย่างแน่นอน เช่น ทำให้คุณหมดเวลาไปเกือบครึ่งวันเพื่อนั่งอ่าน ตอบคอมเมนต์ต่างๆ โดยส่งผลต่องานที่คุณทำอยู่ และอาญกรรมที่ถูกล่อลวงจากคนที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน และที่สำคัญ คือหากคุณให้เวลากับสิ่งเหล่านี้มากเกินไปจะส่งผลต่อสภาพจิตใจของคุณ ที่ทำให้คุณเกิดความเครียดเมื่ออ่านเรื่องราวต่างๆที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของคุณ
ดังนั้น Facebook จึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ในเมื่อทุกวันนี้เราไม่อาจจะโดดเดี่ยวอยู่รำพังได้ การใช้ Social Network ก็ควรมีระยะเวลาในการใช้ จัดสรรเวลาให้เหมาะสมว่าเวลาไหนควรจะเล่นเวลาไหนควรจะทำหน้าที่ของตนเอง เพราะหากการจัดสรรไม่ดี ก็จะส่งผลต่อระบบการทำงานที่รวนและล่าช้าออกไป
แล้วหากวันหนึ่ง Facebook เลิกให้บริการจะเกิดอะไรขึ้นกับคนไทยและสังคมโลก คงจะมีคำตอบอยู่ในใจบ้างแล้ว หรือดูได้จากอาการของคนรอบตัวเมื่อ Facebook ล่ม มีอาการทุรนทุรายมากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะให้จดจำไว้ คือเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วและพัฒนาเร็วมาก วันหนึ่งก็อาจจะมีผู้ให้บริการ Social Platform ที่เข้ามาแทนที่ Facebook ก็เป็นได้ เฉกเช่นเดียวกันกับ Hi5 ที่ในเวลานี้คนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อน หรือบทเรียนที่ MSN ได้เจอก็เช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุดแล้ว Facebook คงต้องพัฒนาและตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ใช้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เพื่อรักษากลุ่มคนทั่วโลกเอาไว้ เพราะหากวันหนึ่งไม่มี Facebook ทั่วโลกคงอยู่ในยุคมืดเป็นแน่นอน