เชื่อว่าความฝันของแต่ละคนนั้น คือมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีครอบครัวที่อบอุ่นมั่นคง ทั้งหมดเริ่มจากความฝันแต่หลายคนก็ล้มเลิกความฝันเพียงเพราะคำว่า “เงิน” ที่ไม่สามารถต่อเติมความฝันให้เป็นจริง แต่องค์ประกอบที่ผู้เขียนเคยถามตัวเองว่าเงินนั้นสำคัญหรือไม่ หรือความสุขเราจะมีได้ต้องมีเงินมาเกี่ยวข้องด้วย เราไม่สามารถมีความสุขได้เลยหรอ ถ้าไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง
คำถามนี้ผู้เขียนคงจะตอบไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่ยังต้องใช้ชีวิตทำงานและเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคตและทำความฝันให้เป็นจริง และความฝันที่ผู้เขียนอยากจะได้ก็ต้องมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถ้าไม่ถึงฝันผู้เขียนก็คงจะเสียใจแต่ในเมื่อไม่ได้ก็คือไม่ได้ เพราะชีวิตของคนเรานั้นสามารถมีความสุขในสิ่งที่เรามีอยู่แล้วอย่างเพียงพอ ส่วนที่เพิ่มมาก็คือกำไรของชีวิต เท่านั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว อย่าให้เงินมามีอำนาจเหนือในชีวิตของเรา เพราะความสุขที่เที่ยงแท้ที่สุดคือความพอใจในสิ่งที่เรามี
จากการเกริ่นนำข้างต้นอาจจะเป็นดราม่าเล็กๆจากใจของผู้เขียน เพราะความฝันของผู้เขียนที่อยากได้ คือปลูกบ้านบนยอดดอย ที่ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วสัมผัสถึงธรรมชาติ หมอกในยามเช้า แสงแดดที่ทอดแสงยาวกระทบกับก้อนปุยเมฆที่ล่องลอยอยู่เหนือยอดดอย นั่งจิบกาแฟอุ่นๆ
ความฝันนี้จะเป็นจริงได้ในอีก 20 ปีข้างหน้า เพราะผู้เขียนไปเจอเทคนิคจากแหล่งข้อมูลหนึ่งของแบงก์ใหญ่ย่านสีลมมา คือทำอย่างไรที่เราจะมีเงิน 10 ล้านในอีก 20 ปี ข้างหน้า โดยเริ่มจากเงินทุน 1 ล้านบาท เริ่มจากการวางเป้าหมายว่าจะลงทุนเดือนละ 20,000 บาท โดยมีผลตอบแทนจากการลงทุนปีละ 9.22%
วิธีการที่ดีที่สุดและเห็นผล คือการจัดพอร์ทการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ จากจุดนี้จะต้องตัดสินใจว่าจะลงทุนในส่วนไหนและส่วนละเท่าไหร่ ที่ผลตอบแทนจะได้รับ 9.22% ต่อปี ก็จะไปถึงเป้าหมายในอีก 20 ปีข้างหน้า จึงเกิดเป็นสูตรคำนวณตัวอย่างดังต่อไปนี้ ยํ้านะครับต้องมีทุน 1 ล้านบาท
ตัวอย่างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นสูงถึง 40% ตราสารหนี้ 3% อื่นๆ 7% เฉลี่ยในปีก่อนหน้า คือ 29.30 เนื่องจากได้ทำการลงทุนในหุ้นสูงกว่าทางเลือกอื่นๆ เมื่อในปีต่อปี จึงเพิ่มการลงทุนในหุ้นให้มากขึ้นและลดการลงทุนในส่วนที่ให้ผลตอบแทนน้อยลง คือ หุ้น 75.79% ตราสารหนี้ 15.93% อื่นๆ 8.28%
สัดส่วนใหม่ที่เราตั้งขึ้นในปีต่อไป เป็นสัดส่วนที่โยกไปลงทุงในส่วนที่ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ทั้งนี้ในทางหลักที่ถูกต้อง ควรจะรักษาสัดส่วนเอาไว้ตามเป้าที่เราได้วางไว้ในปีแรก เพื่อไม่ให้เรานั้นติดกับดักของผลกำไรจนทำให้ขาดสติแล้วทุ่มไปในส่วนใดส่วนหนึ่งมากจนเกินไป
แล้วถ้าเอาเงิน 20,000 ไปลงทุนจะเห็นผลได้อย่างไรจากสูตร ก็ทำการแบ่งออกเป็นสัดส่วน คือเงินต้น 20,000 แบ่งลงทุนในหุ้น 70% 14,000 บาท ตราสารหนี้ 20% 4,000 บาท อื่นๆ 10% 2,000 บาท ผลตอบแทนต่อเดือนจะเท่ากับ 25,860 บาทต่อเดือน ในกรณีนี้คือกรณีที่ตามเป้าหมาย อาจจะมีขาดทุนหรือกำไรก็ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆ ดังนั้น 25,860 x 12 = 310,320 บาทต่อปี ให้คูณ 20 ปี เท่ากับ 6 ล้านกว่าบาท สูตรคำนวณอาจจะไม่ถึง 10 ล้าน แต่ในระหว่างทางถ้าคุณจัดพอร์ทโดยการเพิ่มสัดส่วนเงินเข้าไปในระหว่างทางก็จะทำให้ถึง 10 ล้านอย่างแน่นอน
ในส่วนของผู้ที่ลงทุนแบบระยะสั้น ก็ควรที่จะมีการตั้งเป้าหมายของตนเองเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเมื่อถึงเป้าที่ตั้งไว้ ให้ทำการขายทิ้งทันที อย่ารอให้ขึ้นอีกเพราะนั้นคือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมถึงตั้งจุดแนวรับความเสี่ยงในด้านของการขาดทุนว่าสามารถขาดทุนได้ถึงจุดไหนจึงค่อยทำการขาย จากนั้นเก็บเงินสดไว้รอรอบต่อไป เนื่องจากตลาดการลงทุนมีขึ้นลง จึงไม่ควรประมาทไปกับตลาดที่เราการจะกำไรหรือขาดทุนได้
ท้ายที่สุดแล้ว การลงทุนจากเงินก้อนใหญ่ ผู้ที่ลงทุนควรวางเป้าหมายให้ชัดเจน และศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนที่จะทำการลงทุน เพราะการลงทุนย่อมมีได้และมีเสีย การตั้งเป้าหมายในจุดแนวรับความเสี่ยง จึงเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมตั้งรับไว้ว่าจะรับได้ขนาดนั้นและจุดกำไรได้ขนาดไหน อย่าให้ความโลภมาบังตาจนทุ่มหมดตัว เพราะนั้นหมายถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับคุณและคนในครอบครัว ควรเข้าไปรับการปรึกษากับทางสถาบันการเงินเพื่อรับคำแนะนำในเรื่องนี้