เคยได้ฟังบทสัมภาษณ์ของบรรดาเศรษฐีระดับพันล้าน, เถ้าแก่ใหญ่, เถ้าแก่เนี้ย หรือ เถ้าแก่น้อย กันบ้างหรือเปล่าค่ะ ฟังแล้วจะรู้ว่าความสำเร็จไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ๆ และ คำว่า รวย นั้นไม่ได้มาจากการที่เราทำงานหนัก หรือ ทำงานมาก ๆ เท่านั้นนะคะ แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะให้เงินก้อนนั้นอยู่กับเราให้ได้นาน ๆ ด้วยค่ะ นั้นก็คือ มหาเศรษฐีเขาไม่ได้หาเงินกันอย่างเดียวแต่เขาออมเงินได้ เก็บเงินเป็นค่ะ เราลองมาเจาะ ๆ เคาะ ๆ ดูดีกว่าว่า ออมเงินแบบคนรวย เขามีวิธีกันอย่างไร
เคล็ดไม่ลับข้อที่หนึ่ง คือ จากประสบการณ์การใช้เงินของคุณ ลองนึกย้อนดูนะคะว่าเวลาที่คุณจะต้องควักเงินก้อนใหญ่ ๆ ไปใช้จ่ายแต่ละครั้งนั้น คุณมักจะคิดแล้วคิดอีก คิดอย่างรอบคอบด้วยความระมัดระวังใช่หรือเปล่า ซึ่งก็ถูกต้องนะคะ แล้วถ้าอย่างนั้น กับเงินก้อนเล็ก ๆ หล่ะคะ คุณจัดการกับมันอย่างไร เพราะอันที่จริงค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ พอนำมารวม ๆ กันก็เป็นก้อนใหญ่ใช่เล่นนะคะ เหมือนกับที่ Suze Orman ที่ปรึกษาการเงินคนดังเคยสอนไว้ว่า ถ้าเมือไรก็ตามที่เราสามารถจัดการลดค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปได้ ก็เท่ากับว่าเราได้กำเงินก้อนโตไว้ในมือแล้ว นะคะ
เคล็ดไม่ลับข้อที่สอง ก็คือ ตื่นตัวกับการเพ่งไปที่อนาคตมากกว่าปัจจุบัน ในบางเรื่องเราอาจจะต้องอยู่กับปัจจุบัน หรือ วันนี้ แต่ถ้าเข้าโหมดเรื่องการออมแล้ว ขอแนะนำให้คุณ ๆ เพ่งไปที่อนาคตมากกว่าความต้องการสิ่งของล่อตาล่อใจในวันนี้ค่ะ หรือไม่อย่างนั้น คุณลองนึกถึงตัวเองในวัย 70 ปีแต่ไม่มีเงินดูสิคะ คุณจะอยู่ได้อย่างไร จริงมั๊ยคะ
เคล็ดไม่ลับข้อที่สาม ก็คือ ในตอนที่เราเป็นเด็กนั้น เรามักอยากให้พ่อแม่ซื้อหุ่นยนต์รุ่นล่าสุด หรือ ตุ๊กตาตัวใหม่ ให้เราเพื่อที่เราจะได้นำไปอวดไปโชว์เพื่อน ๆ ได้ แต่เมื่อเรา ๆ โตขึ้น เราน่าจะได้เรียนรู้แล้วว่าการมีคนมาห้อมล้อมยินดีกับสิ่งของใหม่ ๆ ที่เรามีนั้น ก็แค่ความภูมิใจชั่วคราว สักพักเขาก็เลิกมาชื่นชมกับโทรศัพท์กรอบทองรุ่นใหม่ในมือของเรา ดังนั้น อย่าได้หลงไปยึดติดกับสิ่งของที่ไม่จำเป็นนั้นเพื่อโอ้อวดใคร ๆ เราควรจะใช้เงินน้ำพักน้ำแรงเพื่อซื้อของที่จำเป็นต่อเราจริง ๆ คุณรู้หรือไม่ว่า Suze Orman เองก็เคยเตือนสติมนุษย์บ้าคำเยินยอบางคนว่า อย่าได้ไปหลงซื้อของที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้เพียงเพื่อจะโชว์สิ่งนั้นต่อหน้าคนที่คุณเองก็ไม่ได้ชอบหน้าเขาสักเท่าไรเลยนะ มันสิ้นเปลืองแบบเปล่าประโยชน์ และไม่ได้ทำให้ใคร หรือ อะไรดีขึ้นมาสักอย่างเลย จริง ๆ มาถึง
เคล็ดไม่ลับข้อที่ 4 ก็คือ วางแผนค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน เพราะเราต่างก็มีเรื่องมีสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องจ่ายออกไปมากมาย แล้วถ้าเราไม่วางแผนการเงิน ไม่คุมค่าใช้จ่ายให้ดี ๆ เราก็จะไม่มีเงินเหลือเก็บเหลือออมเลยนะคะ ทุกวันนี้ คุณ ๆ สามารถนำระบบ excel มาใช้ตรวจและติดตามยอดเงินเข้าและยอดเงินออกได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ และ ด้วยระบบ excel จะทำให้คุณสามารถกำหนดได้ว่างบจากเงินก้อนนั้น ๆ จะนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ซึ่งก็น่าจะดีกว่าที่เรา ๆ จะต้องมานั่งย้อนคิดทีหลังว่า เงินก้อนนั้นหมดไปกับอะไรบ้าง นี่แหละค่ะ ความแตกต่างทางการคิดและวางแผนของของคนรวยกับคนจน
ส่วนข้อที่ 5 นั้นก็คือ จงทุ่มเทให้ในงานที่ทำอย่างเต็มที่ เพราะในวันที่เรามีแรงมีกำลังจะลุยงานหนักนั้น เราก็ควรทำงานให้มากกว่าคนทั่ว ๆ ไป และอย่ามัวรีรอที่จะเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง แล้วเมื่อไรก็ตามที่เราหาเงินได้มากขึ้น ก็ให้เราออมให้มากขึ้นกว่าเดิม หนึ่งในความสำเร็จของคนรวยก็คือ เขาจะทำงานให้ได้เงิน และนำเงินที่ได้ไปออมมากกว่าที่จะนำไปใช้จ่าย และ ความขยันในการมองหาช่องทางทำกิน ขวนขวายที่จะเพิ่มรายได้ตลอดเวลา จะเป็นกำลังสำคัญให้คุณมีเงินเหลือออมมากยิ่งขึ้นค่ะ และเมื่อเราทำงานอย่างหนักแล้ว คุณก็ควรกำหนดให้ชัดเจนไปเลยว่าจะใช้จ่ายเท่าไร และจะจัดเก็บเป็นเงินออมไว้เท่าไร เราอาจจะมองว่าคนที่ร่ำรวยนั้น กินอาหารแพง ๆ ขับรถแพง ๆ ใช้เงินฟุ่มเฟือยจริง ๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ ที่เขาสามารถใช้ชีวิตอย่างนั้นได้เพราะเขารู้จักออมเงินจากส่วนของรายได้เสมอ ๆ ต่างหากค่ะ และถ้าคุณอยากจะรวยกับเขาบ้าง คุณก็ควรจะทำตามเขานะคะ เหมือนอย่างที่ Angelina Jolieนักแสดงสาวชื่อดัง เคยให้สัมภาษณ์ข้อคิดเรื่องการเงินเอาไว้ประมาณว่า ให้เราออมเงินที่ได้จากหนึ่งในสาม ใช้จ่ายคุมไว้เพียงหนึ่งในสาม และต้องไม่ลืมที่จะนำไปบริจาคอีกหนึ่งในสาม ด้วยค่ะ ซึ่งการคุมค่าใช้จ่ายง่าย ๆ
อีกวิธีก็คือ สนุกไปกับช่วงลดราคาให้คุ้มที่สุดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นดีลราคาพิเศษจากร้านค้า หรือ คูปองส่วนลดต่าง ๆ ก็ให้เรานำมาใช้ให้หมดค่ะ จะมัวไปจ่ายราคาเต็ม ราคาแพงกว่าคนอื่นอยู่ทำไมในเมื่อเราสามารถประหยัดเงินได้ง่าย ๆ ด้วยโปรโมชั่นลดราคานี่คะ เงินที่เหลือจากการออมนั้น คุณก็อย่าปล่อยผ่านไป นำไปเพิ่มมูลค่าด้วยการลงทุนอย่างรอบคอบสิค่ะ สำหรับคนทั่วไป หากได้เงินมาก้อนหนึ่ง ก็จะนำใช้จ่ายก่อนพอมีเงินเหลือค่อยนำไปออม แต่วิธีคิดดี ๆ ของเหล่าเถ้าแก่ก็คือ เมื่อได้เงินมาก้อนหนึ่งให้กำหนดยอดเงินออมก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายให้ใช้เท่าที่เหลือ ต่างกันมั๊ยคะ แล้วคุณหล่ะอยากเป็นแบบไหนค่ะ
อีกวิธีง่ายๆ ใช้บัตรเครดิตแบบ Cash-Back ยิ่งช้อป ยิ่งประหยัด รับเงินคืนจากยอดใช้จ่าย สนใจสมัครบัตรฯ >> คลิกเลย!