เคยกันไหมครับ สมัยเด็กๆพอเราเก็บ ออมเงิน เอาเหรียญไปหยอดกระปุก ผู้ใหญ่ก็ชอบที่จะมาถามเราว่า หนูจะเก็บเงินไปทำไม ลูกผมก็ตอบกลับไปว่า
“ จะได้มีเงินเยอะๆ พาพ่อกับแม่ไปเที่ยวครับ ” น้องสาวผมตอบว่า
“ จะเก็บเงินไว้ซื้อขนมกับของเล่นค่ะ ”
และก็มีอีกมากมายหลากหลายคำตอบ ตามแต่ว่า ณ ตอนนั้นคนที่ตอบคำถามของเขากำลังต้องการอะไรหรืออยากได้อะไรนั่นเองครับ ถ้าพูดแบบนี้หลายคนก็คงจะพอเข้าใจละว่า อ๋อ…ที่ ออมเงิน ก็เพราะว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อของที่เราอยากได้นั่นใช่ไหม
ก็ถูกอยู่ครับ แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะการออมนั้นมีวัตถุประสงค์ที่ดีกว่าอีกหลายอย่างเลย ถ้าหากเราจะพิจารณากันดีดี อย่างเช่น การออมเพื่อการลงทุน การออมเพื่อการศึกษา การออมเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ การออมเพื่อทำศัลยกรรม การออมเพื่อใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน การออมเพื่อค่ารักษาพยาบาล การออมเพื่อใช้หนี้ ฯลฯ เป็นต้น สิ่งที่เหล่านี้ ทำให้เรารู้ว่าพลังของการออมนั้นมันมหัศจรรย์มากแค่ไหน และคุณจะพบว่ามันมหัศจรรย์มากกว่านี้ เมื่อคุณได้รู้จักกับประเภทเงินออมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งวันนี้เราจะมาเรียนรู้และศึกษาไปพร้อมๆกันเลยครับ
วันแรกที่คุณได้รับโบนัส,ได้รับค่าจ้าง,ได้รับเงินเดือน อยากจะถามว่า คุณเอาเงินจำนวนนั้นไปทำอะไรกันบ้างครับ กินข้าว,ช้อปปิ้ง,เที่ยวห้าง,ซื้อของ,บริจาค,ใช้หนี้ หรือ นำมาเก็บออม ผมจะขอแนะนำเลยครับว่า ไม่ว่าคุณจะมีภาระที่ต้องใช้จ่ายมากมายแค่ไหนก็ตามแต่ คุณจงอย่าลืมที่จะเก็บออมด้วยครับ ใครที่คิดว่าจะออมไม่ได้แน่ๆ ลองใช้สูตรนี้ดูครับ รายได้ได้มาเท่าไหร่ หักไว้เก็บออมก่อนเสมอ แล้วที่เหลือค่อยนำจัดสรรแบ่งส่วนใช้จ่ายกันไปตามความเหมาะสม
ครั้งแรกที่เริ่มต้นของการออมนั้น อาจจะเก็บไม่ได้เยอะอะไรมากมาย บางคนอาจจะเลือกออมเป็นรายวัน วันละ 10 บาท 20 บาท 30 บาท ตามแต่จะสะดวก และต้องคำนึงด้วยว่าทุกการออมนั้นจะต้องไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันนั้นยุ่งยากจนเกินไป เพราะว่า การออมนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะปูพื้นฐานสู่ความมั่นคงทางการเงินนั่นเองครับ และทางที่ดีเราควรออมเงินไว้สองประเภทด้วยกันคือ
เงินออม ที่เป็นเงินเก็บ เงินก้อนที่อยู่นิ่งๆ อย่างเช่น นาย ก. เก็บออมเดือนละ 1,000 บาท นำไปฝากบัญชีออมทรัพย์หรือฝากแบบประจำกับธนาคารไว้ ดังนั้นเงินจำนวนนี้ของนาย ก. เมื่อฝากแล้วคือฝากเลย เราจะไม่ไปยุ่ง ปล่อยให้เงินส่วนนี้อยู่นิ่งๆสร้างดอกออกผลให้กับคุณ เพราะต่อไปในอนาคตข้างหน้า เงินจำนวนนี้นี่แหละครับที่จะเป็นเงินสำรองในคราวที่คุณมีความจำเป็น ประสบกับปัญหาต่างๆ มีเรื่องฉุกเฉินที่ต้องใช้จ่าย เมื่อถึงเวลาก็สามารถนำไปใช้ได้เลย อาจจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่งไม่มากก็ตามสมควร
เงินลงทุน ก็ถือว่าเป็นเงินออมชนิดหนึ่งครับ แต่เป็นการออมในรูปแบบของการนำเงินไปลงทุนในที่เวลาเราอยากทำอะไรขึ้นมา อย่างเช่น ตกงานอยากเปิดกิจการทำร้านขายของเป็นของตนเอง หรือเวลาว่างศึกษาอยากลองเล่นหุ้น อยากลองลงทุนในกองทุนต่างๆดู ก็จะเป็นเงินในส่วนที่เราจะนำไปใช้หมุนเวียนเพื่อลงทุนในธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างเงินสร้างกำไรได้อีกทอดหนึ่ง เมื่อต่อยอดได้เงินมาเพิ่มมากขึ้นแล้ว เราก็สามารถแบ่งเงินจำนวนนั้นไปเป็นเงินออมในบัญชีฝากประจำได้อีก หรือจะเอามาหมุนเป็นเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นก็สามารถทำได้
ข้อควรพึงระวังเลยก็คือ สำหรับบางคนก็ใจร้อนอยากให้เงินนั้นเพิ่มไวไว เลยคิดทำอะไรเกินตัว นำเงินเก็บทั้งหมดที่มี มีเท่าไหร่เททุ่มทุนไปหมดหน้าตัก ไม่เหลือสำรองไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน แบบนี้มันจะดูแบกรับความเสี่ยงมากจนเกินไปครับ เพราะอนาคตนั้นเราไม่สามารถหยั่งรู้สถานการณ์ล่วงหน้าได้ ถ้าหากเมื่อถึงคราวจำเป็นที่จะใช้จ่ายขึ้นมาจริงๆเมื่อไหร่ แล้วไม่มีเงินสำรองเหลืออยู่เลย เอาไปลงทุนหมด อาจจะทำให้เราต้องไปหาเงินจากการกู้หนี้ยืมสินได้ กลับกลายเป็นว่าต้องเป็นหนี้ไปซะอย่างนั้น ต้องลำบากไปหาเงินมาใช้จ่ายอีก เพราะฉะนั้นแล้วค่อยๆเป็นค่อยๆไป กินข้าวทีละคำ ทำทีละขั้นตอนจะดีกว่านะครับ
เห็นไหมล่ะครับว่า ความมหัศจรรย์ของเงินออมนั้นมันมีมากแค่ไหน เงินออมเพียงน้อยนิดนานวันไปสะสมไปเรื่อยๆ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น จากหมื่นรวมเป็นแสน จากแสนสามารถเป็นล้านได้ เริ่มต้นที่หลักสิบเท่านั้นเอง อย่าดูถูกเงินจำนวนน้อยนิดเลยครับ เก็บตามกำลังที่เราจะสามารถหามาออมได้ อย่าออมจนทำให้ตนเองเดือดร้อน บางอย่างที่ตึงจนเกินไปมันก็ขาด หย่อนยานเกินไปก็ไม่ดี
ฉะนั้นการออมก็เช่นเดียวกันให้ยึดหลักความพอดีเป็นที่ตั้ง ขนาดแม่น้ำยังต้องอาศัยน้ำหลายแสนล้านล้านหยด กว่าจะรวมตัวกันเป็นมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ได้ เงินออมก็เช่นเดียวกันก็ย่อมที่จะต้องใช้เวลาสะสมนานหน่อย ถึงวันนี้จะยัง ออมเงิน ได้น้อย แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆผมเชื่อว่าผลลัพธ์ที่คุ้มค่านั้นรอคุณอยู่